วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Excel Tutorial 24 Text Function (Excel 2010)

                                   Excel Tutorial 24 Text Function 1. BAHTTEXT(number) : Converts a number to text (baht) 2. CHAR(nu... thumbnail 1 summary
                                   Excel Tutorial 24 Text Function

1. BAHTTEXT(number) : Converts a number to text (baht)

2. CHAR(number) : Returns the character specified by the code number from the character set for your computer.

3. CLEAN(text) : Remove all nonprintable characters from text.

4. CODE(text) : Returns a numeric code for the first character in a text string, in the character set used by your computer.

5. CONCATENATE(text1,text2,) : Joins several text strings into one text string.

6. DALLAR(number,decimals) : Converts a number to text, using currency format.

7. EXACT(text1,text2,) : Checks whether to text strings are exactly the same, and returns TRUE or FALSE. EXACT is case-sensitive.

8. FIND(find_text,Within_text,start_num) : Returns the starting position of one text string, within another text string. FIND is case-sensitive.

9. FIXED(number,decimals,no_commas) : Rounds a number to the specified number of decimals and returns the result as text with or without commas.

10. LEFT(text,num_chars) : Returns the specified number of characters from the start of a text string.

11. LEN(text) : Returns the number of characters in a text string.

12. LOWER(text) : Converts all letters in a text string to lowercase.

13. MID(text,start_num,num_chars) : Returns the characters from the middle of a text string, given a starting position and length.

14. PROPER(text) : Converts a text string to proper case; the first letter in each word in uppercase, and all other letters to lowercase.

15. REPLACE(old_text,start_num,num_chars,new_text) : Replaces part of a text string with a different text string.

16. REPT(text,number_times) : Repeats text a given number of times. Use REPT to fill a cell with a number of instances of a text string.

17. RIGHT(text,num_chars) : Returns the specified number of characters of the end of a text string.

18. SEARCH(find_text,within_text,start_num) : Returns the number of the character at which a specific character or text string is first found, reading left to right (not case-sensitive).

19. SUBSTITUTE(text,old_text,new_text,instance_num) : Replaces existing text with new text in a text string.

20. T(value) : Checks whether a value is text, and returns the text if it is, or returns double quotes (empty text) if it is not.

21. TEXT(value,format_text) : Converts a value to text in a specific number format.

22. TRIM(all) : Removes all spaces from a text string except for single spaces between words.

23. UPPER(text) : Converts a text string to all uppercase letters.

24. VALUE(text) : Converts a text string that represents a number to number.

Key Search :  excel advanced tutorial + excel macro tutorial + vba excel tutorial +
excel functions tutorial + advanced excel tutorial + basic excel tutorial

Excel Find Function (using Find Function) on Excel 2010

Excel Find Function (using Find Function) on Excel 2010 Function Find ใน Microsoft Excel มีหน้าที่ ส่งกลับตำแหน่งเริ่มต้นที่มันค้นพบข้อคว... thumbnail 1 summary

Excel Find Function (using Find Function) on Excel 2010
Function Find ใน Microsoft Excel มีหน้าที่ ส่งกลับตำแหน่งเริ่มต้นที่มันค้นพบข้อความหรือ อักขระนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าเราพิมพ์ =FIND("som","chaisom",1) ที่เซลล์ A1 แล้วกด Enter ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ที่เซลล์ A1 จะเท่ากับ 5

(if we type at A1 Cell =FIND("som","chaisom",1), result at cell A1 equal to 5 )

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? เหตุผลก็เพราะว่า Function Find ถูกออกแบบมาให้คืนค่าเป็นตัวเลขตำแหน่งที่มันค้นพบว่ามีคำนั้นอยู่ที่ตำแหน่งแรกตรงไหน

ฟังก์ชั่น Find ค้นพบว่า คำว่า som อยู่ที่ตำแหน่งที่ 5 โดยมันนับจากตัว s ครับ

ถ้าไม่เข้าใจ ให้ทำอย่างนี้ครับ ให้คุณลองนับตั้งแต่ ตัว C เป็น 1 ตัว h คือ ตำแหน่งที่ 2 ตัว a คือ ตำแหน่งที่ 3 ตัว I คือ ตำแหน่งที่ 4 และตัว s คือ ตำแหน่งที่ 5 และ ตำแหน่งนี้คือ ตำแหน่งที่ Function Find ค้นพบว่า มีคำว่า som อยู่นั่นเองครับ มันจึงคืนค่า 5 กลับมา

ถ้าเราเปลี่ยนสูตรที่เซลล์ A1 เป็น =FIND("m","chaisom",1) ก็หมายความว่า ให้ฟังก์ชั่น Find ค้นหาตัว m ว่า พบตัวเองในคำว่า chaisom หรือไม่ และพบที่ตำแหน่งที่เท่าไหร่ เมื่อเรากด Enter ฟังก์ชั่น Find ก็จะแสดงเลข 7 ที่ช่อง A1 ครับ เพราะว่า ตัว m อยู่ในตำแหน่งที่ 7 นั่นเองครับ

ให้ทุกคนลองไปหัดใช้ดูน่ะครับ เปลี่ยนให้มันค้นหาคำอื่นๆดู หลายๆแบบ แล้วจะเข้าใจครับว่ามัน เป็นเช่นนี้นี่เอง อ่อ อีกนิดหนึ่งครับ ถ้าเราเปลี่ยนสูตรเป็น

=FIND("d","chaisom",1) ผลลัพธ์ที่ได้คือ #VALUE! นั่นคือ มันหาตัว d ในคำว่า chaisom ไม่เจอ กล่าวคือ มันไม่มีตัว d นั่นเอง อีกอย่างหนึ่ง ที่ผมยังไม่อธิบายคือ เลข 1 ที่เห็นอยู่ในสูตร อันนี้หมายความว่า ให้ฟังก์ชั่น Find ค้นหา ตัว d ในคำว่า chaisom ตั้งแต่ตำแหน่งแรกเลยว่ามี d อยู่หรือไม่ ประมาณนี้แหละครับ ตัวอย่างด้านบนก็ความหมายเดียวกันครับ หวังว่าคงเข้าใจน่ะครับ ... วันนี้ แค่นี้ก่อนน่ะครับ นั่งเก้าอี้นานปวดหลังแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนครับ กู๊ดไนท์

Excel 2010 Vba Using While Wend Funtion

                            Excel 2010 Vba Using While Wend Funtion หากว่าเราต้องการทำ Animation แบบง่ายๆบน Microsoft Excel 2010 แทนก... thumbnail 1 summary
                            Excel 2010 Vba Using While Wend Funtion


หากว่าเราต้องการทำ Animation แบบง่ายๆบน Microsoft Excel 2010 แทนการใช้คำสั่ง Timer แล้วละก็ เรามีทางเลือกอยู่หลายทางในการทำงานนี้ เช่น การใช้คำสั่ง While…Wend ครอบประโยคคำสั่ง พร้อมกับใช้ คำสั่ง Doevents ใส่ภายใน เพื่อไม่ให้โปรแกรมเรา Hang เสียก่อน โดยรูปแบบของการใช้ ชุดคำสั่ง การทำซ้ำ แบบ While…Wend แล้วมี Doevents อยู่ข้างใน มีรูปแบบดังนี้


While



ประโยคคำสั่งต่างๆที่เราต้องการ


Doevents


Wend


ตัวอย่างที่จะแสดงให้เห็นวันนี้ คือ เราจะมาจำลองการทำงานของ ฟังก์ชั่น ดังกล่าว เพื่อย้าย Control Image ที่บรรจุรูปภาพอยู่ ให้เคลื่อนย้ายจนพ้นหน้าจอ ของ Microsoft Excel 2010 พอ Control image เคลื่อนพ้นหน้าจอไปแล้วเราก็จะให้มันกลับมาอยู่ที่ตำแหน่ง 0 ของหน้าจอ Microsoft Excel 2010


กล่าวสั้นๆคือ “พอพ้นจอ จะกลับมาที่จุดศูนย์ พออยู่ที่จุดศูนย์ก็จะเคลื่อนไปจนพ้นจอ ๆ” เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะสั่งหยุดรันโปรแกรม


เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น เรามาดูภาพผลลัพธ์ที่เราต้องการกันว่า เป็นแบบไหน ตามภาพด้านล่างเลยครับ

















เมื่อเข้าใจแล้วว่าเราต้องการงานประมาณนี้ เราก็มาลงมือทำ Workshop นี้กันดีกว่า


· ขั้นตอนแรก เปิด Microsoft Excel 2010 ขึ้นมา

คลิ้กที่ แท็บ Developer (ถ้าแท็บนี้ยังไม่ แสดงก็เอาออกมาแสดงซะ) แล้วคลิ้กที่ insert (tool) แล้วคลิ้ก CommandButton และ Image ที่อยู่ใน ส่วนของ Activex Controls อย่างละ 1 จากนั้นนำมาวาดบน sheet1 บน Microsoft excel 2010 ดูภาพด้านล่างประกอบด้วยครับ







จัดวางคอนโทรต่างให้ได้ดังภาพด้านล่าง



หลังจากนั้นให้เราคลิ้กขวาที่ Image1 แล้วเลือกรูปภาพมาใส่ (แนะนำว่าให้ใช้รูปภาพนามสกุล .bmp หรือนามสกุลที่มันรองรับ) ดูภาพด้านบนประกอบน่ะครับ


ส่วนตรง PictureSizemode ให้เลือกเป็น fmPictureSizeModeStretch ตามภาพเลย


· หลังจากนั้น ก็คลิ้กขวาที่ CommandButton แล้วกำหนด Caption โดยให้พิมพ์คำว่า “Move Picture” ลงไปแทน


· จากนั้นให้เราดับเบิ้ลคลิ้กที่ CommandButton แล้วใส่โค้ดต่อไปนี้ลงไปครับ


Private Sub CommandButton1_Click()


i = i + 1


While i <> 0


Image1.Left = Image1.Left + 50


DoEvents


If Image1.Left >= Windows.Application.Width Then


Image1.Left = 0


i = 1


End If


Wend


End Sub



· กด ALT+F11 เพื่อกลับมาที่ Microsoft Excel 2010 อีกครั้ง

ทำการทดสอบโปรแกรมว่าทำงานถูกต้องหรือไม่โดยกดที่ปุ่ม Design Mode ให้เด้งขึ้นมา ตามภาพด้านล่าง





· หลังจากนี้เราก็สามารถกดที่ปุ่ม Move Picture (CommandButton) เพื่อสั่งให้ Image1 เคลื่อนที่ได้แล้วครับ

หากต้องการที่จะแก้ไขโปรแกรม เราสามารถสั่งให้โปรแกรมหยุดทำงาน โดยกดที่ Design Mode อีกครั้ง ซึ่งปุ่ม Design Mode
จะยุบลงดังภาพด้านล่าง




· นั่นแสดงว่า เราสามารถแก้ไขโปรแกรมต่างๆได้แล้วครับ เพราะว่าตอนนี้อยู่ในโหมดแก้ไขนั่นเอง


วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรียน Excel 2010 ดึงข้อมูลมาจาก Microsoft Access 2010

การนำข้อมูลจาก Microsoft Access มาแสดง บน Microsoft Excel 2010 วันนี้เราขอเสนอวิธี ใช้ Microsoft Excel เพื่อติดต่อกับฐานข้อมูลอย่างเ... thumbnail 1 summary


การนำข้อมูลจาก Microsoft Access มาแสดง บน Microsoft Excel 2010
วันนี้เราขอเสนอวิธี ใช้ Microsoft Excel เพื่อติดต่อกับฐานข้อมูลอย่างเช่น Microsoft Access กันครับ
ใน Microsoft Excel 2010 สามารถติดต่อ ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล ได้อย่างง่ายดายเลย เพราะว่า มันมี Tab data เอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถเลือกได้เลยว่า เราต้องการจะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่อยู่ที่ไหน ออกมาแสดง ดังเช่นตัวย่างนี้  
หลังจากที่เราเปิด Excel 2010 มาแล้ว ต่อไปให้ทำดังนี้ครับ
ให้เราคลิ้กที่ แท็บ Data จากนั้นคลิ้กที่ From Access ครับ
จะมีกรอบโต้ตอบขึ้นมา เราก็เลือก ไฟล์ฐานข้อมูลของเรา แล้วคลิ้ก Open
หลังจากที่คลิ้ก Open จะมี กรอบโต้ตอบขึ้นมาอีก เพื่อให้เราเลือกตารางที่อยู่ในฐานข้อมูลนั้นๆว่า เราจะเอาข้อมูลในตารางไหนมาใช้ เมื่อเลือกได้แล้วเราก็กด OK ครับ
ข้อมูลที่อยู่ในตารางที่เราเลือกก็เข้ามาอยู่ในเซลล์ บน Microsoft Excel ตามต้องการครับ
ลองทำตามดูน่ะครับ ไม่ยากเลย

Excel 2010 Function การนับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขด้วย Function Count

Excel 2010 Function การนับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขด้วย Function Count เลือกเซลล์ A1:F1 แล้ว Merge เซลล์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน พิมพ์คำว่า ... thumbnail 1 summary
Excel 2010 Function การนับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขด้วย Function Count
เลือกเซลล์ A1:F1 แล้ว Merge เซลล์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
พิมพ์คำว่า “นับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขด้วยฟังก์ชั่น Count ลงไป
พิมพ์ Explode ที่เซลล์ A2
พิมพ์ 6 ที่เซลล์ A3
พิมพ์ 9 ที่เซลล์ A4
พิมพ์ C ที่เซลล์ A5
พิมพ์ F ที่เซลล์ A6
พิมพ์ Excel ที่เซลล์ A7
พิมพ์ Please ที่เซลล์ A8
พิมพ์ 3 ที่เซลล์ A9
พิมพ์ “จำนวนรวม A” ที่เซลล์ A10
พิมพ์ =COUNT(A2:A9) ที่เซลล์ A11 แล้วกด Enter จะโชว์ 3


พิมพ์ 50 ที่เซลล์ B2

พิมพ์ 62 ที่เซลล์ B3
พิมพ์ 15 ที่เซลล์ B4
พิมพ์ 45 ที่เซลล์ B5
พิมพ์ 25 ที่เซลล์ B6
พิมพ์ 25 ที่เซลล์ B7
พิมพ์ A ที่เซลล์ B8
พิมพ์ VBAE ที่เซลล์ B9
พิมพ์ “จำนวนรวม B” ที่เซลล์ B10
พิมพ์ =COUNT(B2:B9) ที่เซลล์ B11 กด Enter จะโชว์ 6
ที่คอลัมน์ C,D,E ก็ให้พิมพ์ในลักษณะเช่นเดียวกับ
คอลัมน์ A,B แต่ให้เปลี่ยนสูตร ตรงช่อง C11,D11,E11
เป็น =COUNT(C2:C9) ที่ช่อง C11 กด Enter จะโชว์ 4
พิมพ์ =COUNT(D2:D9) ที่ช่อง D11 กด Enter จะโชว์ 5
พิมพ์ =COUNT(E2:E9) ที่ช่อง E11 กด Enter จะโชว์ 5
เป็นต้น ลองดูไม่ยากอย่างที่คิด

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Excel Formulas and Functions frequently used

Formulas (สูตร) ใน Excel มีหลากหลายให้เลือกใช้ ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ เราคงไม่ได้ใช้งานหมด แต่ ถ้าคนที่ใช้ Formulas เป็น Excel หลายๆคร... thumbnail 1 summary


Formulas (สูตร) ใน Excel มีหลากหลายให้เลือกใช้ ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ
เราคงไม่ได้ใช้งานหมด แต่ ถ้าคนที่ใช้ Formulas เป็น Excel หลายๆครั้ง ก็คงจะเคยใช้ มาหลายตัว ตัวที่เราใช้บ่อยๆ ก็คงหนีไม่พ้น สูตร หรือ ฟังก์ชั่น หาผลรวม อย่างเช่น ฟังก์ชั่น Sum แม้ว่า Excel 2010 เดี่ยวนี้มันจะมีปุ่มลัดที่ให้เราคลิ้กทีเดียวมันก็หาผลบวก ผลคูณ ให้เสร็จสรรพ โดยไม่ต้องมานั่งป้อนสูตร =sum(อ้างช่วงเซลล์)อีกแล้ว แต่ว่า ก็แล้วแต่คนครับ บางคนก็ชอบพิมพ์มากกว่า ผมคนหนึ่งล่ะ เอาละอย่างที่ ขึ้นหัวข้อไว้ ว่า Excel Formulas and Functions ที่ใช้งานบ่อย วันนี้ ก็แค่จะมาเล่าว่าฟังก์ชั่นหรือสูตรอะไรที่ผมใช้บ่อยๆให้ฟังแค่นั้นแหละครับ
สูตรใน Excel ที่ผมใช้บ่อยๆ(เพราะผมชอบเขียน ชอบเล่น Excel บ่อยๆ)ได้แก่ Sum, If, Max, Min, Average, Sumif, Gestep, Vlookup, RandBetween, product(เอาไว้หาผลคูณ) เป็นต้น เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันน่ะครับ วันต่อไปจะมาเล่าให้ฟังอีก แต่วันนี้ ง่วงแล้วซิ กู๊ดไนท์ครับ


Key สำหรับค้นหาบทความนี้ : Excel Formulas and Functions frequently used, ms excel formulas

How To Use Excel Formulas in Excel 2010

How To Use Excel Formulas in Excel 2010 How To Use Excel Formulas ( การใช้งานฟังก์ชั่น หรือ สูตร บน Microsoft Excel ) นั้นไม่ยากเลย... thumbnail 1 summary


How To Use Excel Formulas in Excel 2010
How To Use Excel Formulas (การใช้งานฟังก์ชั่น หรือ สูตร บน Microsoft Excel ) นั้นไม่ยากเลย เนื่องจาก Excel เป็นเป็นโปรแกรมที่มีรูปลักษณ์เป็นตารางทั้งโปรแกรม ดังนั้นสูตรต่างๆ (Formulas) เราก็ต้องป้อนมันเข้าไปตรงเซลล์ใดๆที่เราต้องการจะให้แสดงคำตอบ อย่างเช่น เราต้องการให้ผลลัพธ์ชองสูตรถูกแสดงที่ช่อง A1 หรือเรียกว่า Cells A1 เราก็ต้องพิมพ์สูตรที่ช่อง A1 โดยรูปแบบการใช้งานสูตรก็ง่ายๆเลย เช่น ถ้าเราต้องการใช้ สูตร(Formulas) IF เราก็แค่พิมพ์ที่เซลล์ A1 ว่า =IF(สิ่งที่ต้องการตรวจสอบ,เมื่อเงื่อนไขเป็นจริงเอาค่าตรงนี้มาแสดง,เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จเอาค่าช่องนี้มาแสดง)
สรุปง่ายๆก็คือ สูตร Excel ต้องเริ่มด้วยเครื่องหมายเท่ากับครับ เช่น =IF,=Max,=Min,=Gestep,=SumIF เป็น
When You Want To Use Any Formula in Excel. You must Start with Equal(=) before The name of Formulars
Example : =IF,=MAX,=MIN, =Gestep, etc.
You can type any formular at any cells in excel 2010 or any version of excel.

SUMIF Function in Excel

การเริ่มต้นทำอะไรจากสิ่งง่ายๆก่อน นับเป็นเรื่องดี เพื่อที่จะพัฒนาฝีมือของเราให้ชำนาญ จนสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ซับซ้อนได้ ดังเช่นตัวอย่างนี... thumbnail 1 summary

การเริ่มต้นทำอะไรจากสิ่งง่ายๆก่อน นับเป็นเรื่องดี เพื่อที่จะพัฒนาฝีมือของเราให้ชำนาญ จนสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ซับซ้อนได้ ดังเช่นตัวอย่างนี้เช่นกัน
เราจะสอนการใช้ฟังก์ชั่น SUMIF ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่มีวิธีการใช้งานง่ายๆแต่มีประโยชน์อย่างยิ่ง
ประโยชน์ของฟังก์ชั่น SUMIF คือ การหาผลรวมอย่างมีเงื่อนไข ดังเช่นภาพที่แสดงด้านบน จะเห็นว่าที่ ToTal Excel Vba ที่เซลล์ C2 =980 คำตอบนี้เกิดจากการใช้คำสั่ง =SUMIF(A2:A12,”Excel Vba”,B2:B2) ความหมายของประโยคคำสั่งนี้คือ ให้นำค่าในคอลัมน์ PRICE ไปบวกกัน โดยที่เซลล์ A2:A12 จะต้องเท่ากับ “Excel Vba” เท่านั้น
ฟังก์ชั่น SUMIF มันจะดูว่าที่คอลัมน์ Ebook ตั้งแต่ เซลล์ A2:A12 มีช่องไหนบ้างที่มีคำว่า “Excel Vba” อยู่ และในคอลัมน์ Price คือค่าอะไร เมื่อตรงตามเงื่อนไข มันก็เอามาบวก
ในภาพเราจะเห็นว่า คอลัมน์ Ebook เซลล์ที่มีคำว่า “Excel Vba” อยู่คือ A2,A10,A11,A12 ส่วนที่คอลัมน์ PRICE เซลล์ที่ตรงตามเงื่อนไขก็คือ เซลล์ B2,B10,B11,B12 ซึ่งก็มีค่า 50,200,330,400 อยู่ เพราะฉะนั้น ค่านี้แหละที่ถูกนำมาบวกกัน 50+200+330+400=980 ดังภาพ
 


หวังว่าตัวอย่างง่ายๆนี้จะมีประโยชน์คับ ถ้าหากยังไม่เข้าใจก็ลองอ่านอีกสักรอบ สองรอบก็คงไม่เสียหายอะไร แล้วก็ลองทำตามดูด้วยก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งเลย..:-)
 
Key : Sumif, Sumifs, sumifs excel, sumif in excel, excel sumifs