วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

การใช้ ฟังก์ชั่น RIGHT ใน Excel แบบชัดเจน

มีคนที่เริ่มต้นใช้ ฟังก์ชั่น สอบถามปัญหาการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆมามากมาย (สำหรับคนที่เชี่ยวชาญแล้ว คงไม่ถาม) บ้างก็ไม่เข้าใจเรื่องของพารามิเตอร... thumbnail 1 summary
มีคนที่เริ่มต้นใช้ ฟังก์ชั่น สอบถามปัญหาการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆมามากมาย (สำหรับคนที่เชี่ยวชาญแล้ว คงไม่ถาม) บ้างก็ไม่เข้าใจเรื่องของพารามิเตอร์ ที่ต้องใส่ในฟังก์ชั่น ยังงงอยู่ มีปัญหากับการใช้งานฟังก์ชั่นหลายตัวอยู่เหมือนกัน อย่างเช่น ฟังก์ชั่น RIGHT ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่จริงๆแล้วไม่ยากเลย...สำหรับคนที่ทำงานด้านการเขียนโปรแกรม จัดเป็นฟังก์ชั่นพื้นๆ เท่านั้น ไม่อยากอะไร แต่สำหรับคนที่เพิ่งสนใจการใช้งานฟังก์ชั่น และเป็นคนที่ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาก่อนแล้วละก็เขาและเธอย่อมมีปัญหาอยู่แล้ว... เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะมาอธิบายเป็นภาพให้กับคนที่ยังงงอยู่น่ะครับ จะได้แจ่มแจ้งกันไปเลย ดูภาพด้านล่างน่ะครับ อ่านแล้วจะเข้าใจ...

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

Excel กับฟังก์ชั่น COUPDAYS

Excel กับฟังก์ชั่น COUPDAYS COUPDAYS เป็นฟังก์ชั่น บน Excel จัดอยู่ในประเภทฟังก์ชั่น ทางการเงิน ทำหน้าที่ ส่งกลับจำนวนของวันในคาบเวลาบนหน้... thumbnail 1 summary
Excel กับฟังก์ชั่น COUPDAYS

COUPDAYS เป็นฟังก์ชั่น บน Excel จัดอยู่ในประเภทฟังก์ชั่น ทางการเงิน

ทำหน้าที่ ส่งกลับจำนวนของวันในคาบเวลาบนหน้าตั๋วที่มีวันที่ซื้อตั๋ว

รูปแบบสูตร : COUPDAYS(settlement,maturity,frequency,basis)

Settlement คือ วันที่ทำข้อตกลงของหลักทรัพย์ ซึ่งก็คือวันที่ส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อ

Maturity คือ วันที่ครบกำหนดชำระของหลักทรัพย์ ซึ่งก็คือวันที่หลักทรัพย์หมดอายุลงนั่นเอง

Frequency คือ จำนวนครั้งในการชำระค่าตราสารต่อปี ในกรณีที่เป็นการชำระแบบรายปี frequency=1 ถ้าเป็นการชำระแบบรายครึ่งปี frequency=2 และถ้าเป็นการชำระแบบรายไตรมาส frequency=4

Basis คือ ชนิดของหลักเกณฑ์ในการนับจำนวนวัน

ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง เช่น COUPDAYBS, COUPDAYSNC, COUPNCD, COUPNUM, COUPPCD, DATE

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น COUPDAYS
· ที่ Excel ระบายเซลล์ A1:A4 แล้วพิมพ์ Settlement และกด Enter

· ที่ Excel พิมพ์ maturity แล้วกด Enter พิมพ์ frequency แล้วกด Enter พิมพ์ basis แล้วกด Enter

· ที่ Excel ระบายเซลล์ B1:B4 แล้วพิมพ์ 5-Feb-00 แล้วกด Enter

· ที่ Excel พิมพ์ 1-Jan-01 แล้วกด Enter พิมพ์ 2 แล้วกด Enter พิมพ์ 1 แล้วกด Enter

· ที่ Excel คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =”1/7/00”-“1/1/100” และกด Enter จะแสดงค่า 182

· ที่ Excel คลิกเซลล์ B6 แล้วพิมพ์ =coupdays(b1, b2, b3, b4) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 182

· หากเซลล์ B4 พิมพ์ 0 ให้คลิกเซลล์ B6 จะโชว์ 180 จากนั้นให้คลิกเซลล์ C3 แล้วพิมพ์ =days360(“1/100”,”1/7/00”) แล้วกด Enter จะแสดงค่าตัวเลข 180 ออกมา

Excel กับ ฟังก์ชั่น FACTDOUBLE

Excel กับ ฟังก์ชั่น FACTDOUBLE FACTDOUBLE เป็นฟังก์ชั่น ประเภท คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าตัวเลขดับเบิลแฟกทอเรียล รูปแบบสู... thumbnail 1 summary
Excel กับ ฟังก์ชั่น FACTDOUBLE

FACTDOUBLE เป็นฟังก์ชั่น ประเภท คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ

ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าตัวเลขดับเบิลแฟกทอเรียล

รูปแบบสูตร FACTDOUBLE(number)

ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง เช่น FACT, MULTINOMIAL

1. ที่ Excel คลิกที่เซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 2 จากนั้นคลิกที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์

=factdouble(a2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2

2. ที่ Excel คลิกที่เซลล์ A3 แล้วพิมพ์ 60 จากนั้นคลิกที่เซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =factdouble(a3) และกด Enter จะแสดงค่า 48

3. ที่ Excel คลิกที่เซลล์ A4 แล้วพิมพ์ 5 จากนั้นคลิกที่เซลล์ B4 แล้วพิมพ์ =factdouble(a4) และกด Enter จะแสดงค่า 15

Excel กับฟังก์ชั่น ATAN

Excel กับฟังก์ชั่น ATAN ATAN เป็นฟังก์ชั่นประเภท คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าอาร์กแทนเจนต์ (arctangent) ของ number อาร์กแทน... thumbnail 1 summary
Excel กับฟังก์ชั่น ATAN
ATAN เป็นฟังก์ชั่นประเภท คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ

ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าอาร์กแทนเจนต์ (arctangent) ของ number อาร์กแทนเจนต์ คือมุมที่มีแทนเจนต์ (tangent) เป็นตัวเลข มุมที่ส่งกลับจะอยู่ในหน่วยเรเดียที่อยู่ในช่วง –pi/2 ถึง pi/2

รูปแบบสูตร คือ ATAN(number)

Number เป็นค่าแทนเจนต์ของมุมที่คุณต้องการ

ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ATAN2, ATANH, PI, TAN

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น ATAN



1. ที่ Excel คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =atan(1) และกด Enter จะแสดงค่า 0.785398

2. ที่ Excel คลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =atan(1)*180/pi() และกด Enter จะแสดงค่า 45

3. ที่ Excel คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =tan(b2) และกด Enter จะแสดงค่า 1

4. ที่ Excel คลิกเซลล์ C3 แล้วพิมพ์ =tan(b3*pi()/180) และกด Enter จะแสดงค่า 1 ออกมา

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

Excel กับฟังก์ชั่น IF

Excel กับฟังก์ชั่น IF If คือ ฟังชั่น ประเภท ตรรกศาสตร์ ที่มีบน Excel ทำหน้าที่ ส่งค่าหนึ่งกลับ ถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุเป็น TRUE และอีกค่าหนึ่... thumbnail 1 summary
Excel กับฟังก์ชั่น IF


If คือ ฟังชั่น ประเภท ตรรกศาสตร์ ที่มีบน Excel ทำหน้าที่ ส่งค่าหนึ่งกลับ ถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุเป็น TRUE และอีกค่าหนึ่งกลับ ถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุเป็น FASLE


รูปแบบสูตร ที่ใช้บน Excel คือ IF(logical_test,value_if_true,value_if_false)

Logical_test คือ ค่าหรือนิพจน์ใดๆ ที่สามารถถูกประเมินเป็น TRUE หรือ FASLE ได้ ยกตัวอย่าง เช่น A10=100 คือ logical expression เช่น ถ้าค่าในเซลล์ A10 เป็น 100 แล้ว logical_test เป็น TRUE มิฉะนั้น logical_test จะเป็น FALSE อาร์กิวเมนต์นี้สามารถใช้ตัวดำเนินการคำนวณเปรียบเทียบใด


Value_if_true
คือ ค่าที่ถูกส่งกลับ ถ้า logical_test เป็น TRUE ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าอาร์กิวเมนต์นี้คือสายอักขระ “Within budget” และ logical_test อาร์กิวเมนต์หาค่าเป็น TRUE ดังนั้นฟังก์ชั่น IF แสดงข้อความ “Within budget” ถ้า logical_test เป็น TRUE และ Value_if_true ไม่ใส่ค่าอะไรไว้ อาร์กิวเมนต์นี้จะกลับเป็น 0 (ศูนย์) การแสดงคำว่า TRUE ให้ใช้ค่าตรรกะ TRUE สำหรับอาร์กิวเมนต์นี้ Value_if_true สามารถเป็นสูตรอื่นๆด้


Value_if_false
เป็นค่าที่ถูกส่งกลับถ้า logical_test เป็น FALSE ตัวอย่าง เช่น ถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นสายอักขระข้อความ “Over budget” และ logical_test อาร์กิวเมนต์หาค่าเป็น FALSE ดังนั้นฟังก์ชั่น IF แสดงข้อความ “Over Budget”


ถ้า logical_test เป็น FALSE และ Value_if_false ถูกละไว้ (นั่นคือไม่มีการคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคหลังจาก value_if_true ดังนั้นค่าตรรกะ FALSE กลับมาถ้า logical_test เป็น FALSE และ value_if_false ไม่ใส่ค่าอะไร (นั่นคือหลังจาก value_if_true มีการคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคตามด้วยวงเล็บปิด) ดังนั้น่าจะกลับเป็น 0 (ศูนย์) value_if_false สามารถเป็นสูตรอื่นได้


ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง AND, FAlSE, NOT, OR, TRUE


ให้ทดลองพิมพ์สูตรในโปรแกรม Excel ดังต่อไปนี้


1. คลิกที่เซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 100


2. ให้คลิกที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =if(a2<=100,a2*0.95,a2*0.9) และกด Enter จะแสดงค่า 95


3. หากแก้ไขตัวเลขที่เซลล์ A2 เป็น 1000 แล้วกด Enter จะเห็นว่าเซลล์ B2 แสดงค่าเป็น 900


4. คลิกเซลล์ A4 แล้วพิมพ์ Budget และคลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ Actual


5. คลิกเซลล์ A5 แล้วพิมพ์ 2000 และคลิกเซลล์ B5 แล้วพิมพ์ 3000


6. พิมพ์ =if(b5>a5,”Over budget”,””) และกด Enter จะแสดงค่า Over budget


7. หากพิมพ์ 1500 ที่เซลล์ B5 และกด Enter จะเห็นว่าเซลล์ C5 จะแสดงค่าช่องว่าง


8. คลิกเซลล์ A8 แล้วพิมพ์ Score ที่เซลล์ A9 แล้วพิมพ์ 62 ที่เซลล์ A10 แล้วพิมพ์ 75 ที่เซลล์ A11 แล้วพิมพ์ 85 ที่เซลล์ A12 พิมพ์ 40


9. คลิกเซลล์ B8 แล้วพิมพ์ Grade


10. ที่เซลล์ D9 แล้วพิมพ์ 60 ที่เซลล์ D10 แล้วพิมพ์ 70 ที่เซลล์ D11 แล้วพิมพ์ 80 ที่เซลล์ D12 แล้วพิมพ์ 90


11. คลิกเซลล์ B9 แล้วพิมพ์ =if(a9<=$d$9,”E”,if(a9<=$d$10,”D”,if(a9<=$d$11,”c”,if(a9<=$d$12,”B”,”A”)))) และกด Enter จากนั้น Auto Fill สูตรลงมาที่เซลล์ B12


12. ทดลองแก้ไขตัวเลขในช่วงเซลล์ A9:A12 จะเห็นผลแสดงค่าในเซลล์ B9:B12