วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน XIRR และวิธีการใช้งาน (Excel 2010)

ฟังก์ชัน XIRR และวิธีการใช้งาน XIRR เป็นฟังก์ชันประเภทการเงิน หน้าที่คือ ส่งกลับค่า IRR(Interanl rate of return) สำหรับตารางของสภาพคล่องต... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน XIRR และวิธีการใช้งาน

XIRR เป็นฟังก์ชันประเภทการเงิน หน้าที่คือ ส่งกลับค่า IRR(Interanl rate of return) สำหรับตารางของสภาพคล่องตัวทางการเงินที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคาบเวลา ใช้ IRR ฟังก์ชันในการคำนวณอัตราผลตอบแทนสำหรับชุดของสภาพคล่องตัวทางการเงินทั้งหมด

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน XIRR คือ XIRR(values,dates,guess)

values คือกลุ่มตัวเลขของจำนวนเงินในกระแสเงินสดซึ่งมีระยะเวลาตามรารางของการชำระเงินที่ระบุไว้ dates โดยอาจไม่ต้องชำระเงินงวดแรกก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับต้นทุนหรือรายจ่ายที่เกิดในช่วงเริ่มต้นของการลงทุน ถ้าค่าแรกเป็นต้นทุนหรือรายจ่ายแล้ว ค่าแรกนี้จะมีค่าเป็นลบ และรายจ่ายต่างๆ ที่ติดตามมาจะลดลงตามเกณฑ์การคำนวณระยะเวลาแบบ 1 ปี มี 365 วัน กลุ่มของค่าจะต้องมีค่าที่เป็นลบและค่าที่เป็นบวกอย่างละ 1 ค่า

dates คือ ตารางเวลาการชำระเงินที่พิจารณาจากกระแสเงินสด โดยวันชำระเงินวันแรกจะตรงกับวันเริ่มต้นของกำหนดระยะเวลาการชำระเงิน ส่วนวันที่อื่นๆ จะอยู่ต่อจากวันที่นี้ และเรียงลำดับวันที่อย่างไรก็ได้ ควรจะใส่วันที่โดยใช้ฟังก์ชัน Date หรือใช้ผลลัพธ์จากสูตรหรือฟังก์ชันอื่นๆ ตัวอย่าง เช่น ใช้คำสั่ง Date(2551,5,23) แทนวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ.2551 เนื่องจากจะมีปัญหาเกิดขึ้นหากใส่วันที่ในรูปแบบข้อความ

guess คือจำนวนที่คุณคาดคะเนว่าใกล้เคียงกับผลลัพธ์ของ XIRR

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน XIRR ได้แก่ IRR, MIRR, NPV, RATE, XNPV

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน XIRR

1. เลือกเซลล์ B1:B7 แล้วพิมพ์ Amount แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ =1000000 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 150000 แล้วกด Enter พิมพ์ 250000 แล้วกด Enter พิมพ์ 240000 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ d220000 แล้วกด Enter พิมพ์ 200000 แล้วกด Enter

2. เลือกเซลล์ C1:C7 แล้วพิมพ์ Date แล้วกด Enter จากนั้นพิมพ์ 1/6/1999 แล้วกด Enter พิมพ์ 1/8/1999 แล้วกด Enter พิมพ์ 1/11/1999 แล้วกด Enter จากนั้นพิมพ์ 1/2/2000 แล้วกด Enter พิมพ์ 1/6/2000 แล้วกด Enter พิมพ์ 1/12/2000 แล้วกด Enter

3. คลิกเซลล์ B9 แล้วพิมพ์ =xirr(b2:b7,c2:c7) แล้วกด Enter จะแสดง 0.079802 หากำหนดเป็น Percentage จะแสดงค่า 7.98%

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน Stdevp และวิธีการใช้งาน (Excel 2010)

ฟังก์ชัน Stdevp และวิธีการใช้งาน Stdevp เป็นฟังก์ชันด้าน สถิติ ทำหน้าที่ คำนวณหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยใช้ประชากรทั้งหมดที่ถูกระบุเป็นอาร์... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน Stdevp และวิธีการใช้งาน

Stdevp เป็นฟังก์ชันด้านสถิติ ทำหน้าที่ คำนวณหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยใช้ประชากรทั้งหมดที่ถูกระบุเป็นอาร์กิวเมนต์ในการคำนวณ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นการวัดวิธีการกระจายของค่าที่ออกจากค่าเฉลี่ย

รูปแบบ สูตร Excel ของ Stdevp คือ Stdevp(number1,number2,…)

โดยที่ number1,number2,… คืออาร์กิวเมนต์ที่ 1 ถึง 30 เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับประชากร คุณยังสามารถใช้อาร์เรย์เดี่ยวหรือการอ้างอิงถึงอาร์เรย์ แทนที่อาร์กิวเมนต์ต่างๆ ที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Stdevp


1. เลือกเซลล์ B1:C1 แล้วพิมพ์ X แล้วกด Enter

2. พิมพ์ X^2 แล้วกด Enter

3. คลิกเซลล์ A2 แล้วพิมพ์ Number

4. เลือกเซลล์ A10:A11 แล้วพิมพ์ Sum แล้วกด Enter

5. พิมพ์ N แล้วกด Enter

6. คลิกเซลล์ A13 แล้วพิมพ์ Stdevp Calc จากนั้นคลิกเซลล์ A15 แล้วพิมพ์ Stdevp

7. เลือกเซลล์ B2:B9 แล้วพิมพ์ 10 แล้วกด Enter พิมพ์ 5 แล้วกด Enter พิมพ์ 7 แล้วกด Enter พิมพ์ 12 แล้วกด Enter พิมพ์ 4 แล้วกด Enter พิมพ์ 7 แล้วกด Enter พิมพ์ 5 แล้วกด Enter พิมพ์ 11 แล้วกด Enter

8. เลือกเซลล์ C2:C9 แล้วพิมพ์ =b2^2 จากนั้นกด Ctrl+Enter จะแสดงผลการคำนวณให้เห็น

9. เลือกเซลล์ B10:C10 แล้วคลิกปุ่ม Auto Sum

10. คลิกเซลล์ B11 แล้วพิมพ์ =count(b2:b9) แล้วกด Enter จะได้ 8

11. คลิกเซลล์ B13 แล้วพิมพ์ =sqrt((b11*c10-b10^2)/(b11^2)) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2.825664

12. คลิกเซลล์ B15 แล้วพิมพ์ =stdevp(b2:b9) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2.825664

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน STDEV และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน STDEV และตัวอย่างการใช้งาน Stdev เป็นฟังก์ชันด้านสถิติ ทำหน้าที่ วิเคราะห์หาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่มีพื้นฐานอยู่บนค่าตัวอย่างส่วนเ... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน STDEV และตัวอย่างการใช้งาน

Stdev เป็นฟังก์ชันด้านสถิติ ทำหน้าที่ วิเคราะห์หาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่มีพื้นฐานอยู่บนค่าตัวอย่างส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานคือการวัดวิธีของการกระจายค่าที่ออกจากค่าเฉลี่ย

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน Stdev คือ Stdev(number1,number2,…)

โดยที่ number1, number2,… คืออาร์กิวเมนต์ตัวเลขที่ 1 ถึง 30 ที่สอดคล้องกับตัวอย่างประชากร คุณสามารถใช้อาร์เรย์เดี่ยวหรือการอ้างอิงถึงอาร์เรย์แทนอาร์กิวเมนต์ต่างๆที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง Dstdev, Dstdevp, Stdeva, Stdevpa

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Stdev

1. เลือกเซลล์ b1:d1 พิมพ์ x แล้วกด Enter พิมพ์ x^2 แล้วกด Enter พิมพ์ (x-Xbar)^2 แล้วคลิกเซลล์ A2 แล้วพิมพ์ Number

2. ระบายเซลล์ A10:A13 พิมพ์ Sum แล้วกด Enter พิมพ์ N แล้วกด Enter พิมพ์ X bar แล้วกด Enter พิมพ์ Stdev Calc จากนั้นคลิกเซลล์ A15 แล้วพิมพ์ Stdev

3. เลือกเซลล์ B2:B9 แล้วพิมพ์ 10 แล้วกด Enter พิมพ์ 5 แล้วกด Enter พิมพ์ 8 แล้วกด Enter พิมพ์ 12 แล้วกด Enter พิมพ์ 9 แล้วกด Enter พิมพ์ 7 แล้วกด Enter พิมพ์ 14 แล้วกด Enter พิมพ์ 11 แล้วกด Enter

4. เลือกเซลล์ C2:C9 แล้วพิมพ์ =b2^2 จากนั้นกด Ctrl+Enter จะแสดงผลการคำนวณให้เห็น

5. เลือกเซลล์ B10:C10 แล้คลิกปุ่ม Auto Sum

6. คลิกเซลล์ B11 แล้วพิมพ์ =count(b2:b9) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 8

7. คลิกเซลล์ B12 แล้วพิมพ์ =average(b2:b9) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 9.5

8. คลิกเซลล์ B13 แล้วพิมพ์ =sqrt((b11*c10-b10^2)/(b11*(b11-1))) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2.878492

9. เลือกเซลล์ D2:D9 แล้วพิมพ์ =(b2-$b$12)^2 จากนั้นกด Ctrl+Enter จะแสดงผลการคำนวณขึ้นมา

10. คลิกเซลล์ D10 แล้วคลิกปุ่ม Auto Sum

11. คลิกเซลล์ D13 แล้วพิมพ์ =sqrt(d10/(b11-1)) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2.878492

12. คลิกเซลล์ D15 แล้วพิมพ์ =stdev(b2:b9) แล้วกด Enter จะแสดงคา 2.878492

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน STANDARDIZE และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน STANDARDIZE และตัวอย่างการใช้งาน Standardize คือฟังก์ชันทางด้านสถิติ บน Excel มีหน้าที่ ส่งกลับค่ามาตรฐาน ( normalized value-Z ) จ... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน STANDARDIZE และตัวอย่างการใช้งาน

Standardize คือฟังก์ชันทางด้านสถิติ บน Excel มีหน้าที่ ส่งกลับค่ามาตรฐาน (normalized value-Z) จากการแจกแจงโดยใช้ mean และ standard_dev ที่ระบุ

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน Standardize คือ Standardize(x,mean,standard_dev)

โดยที่ค่า x คือค่าที่คุณต้องการหาค่ามาตรฐาน (ค่า z)

mean คือมัชฌิมเลขคณิตของการแจกแจง

standard_dev คือค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของการแจกแจง

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Normdist, Norminv, Normsdist, Normsinv, Ztest

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Standardize

1. เลือกเซลล์ A2:A4 แล้วพิมพ์ X แล้วกด Enter พิมพ์ Mean แล้วกด Enter พิมพ์ Stdev แล้วกด Enter

2. คลิกเซลล์ A6 แล้วพิมพ์ Standardize Calc แล้วคลิกเซลล์ A8 แล้วพิมพ์ Standardize

3. เลือกเซลล์ B2:B4 แล้วพิมพ์ 40 แล้วกด Enter พิมพ์ 38 แล้วกด Enter พิมพ์ 1.25 แล้วกด Enter

4. คลิกเซลล์ B6 แล้วพิมพ์ =(b2-b3)/b4 แล้วกด Enter จะแสดงค่า 1.6

5. คลิกเซลล์ B8 แล้วพิมพ์ =standardize(b2,b3,b4) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 1.6

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน YEAR และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน YEAR และตัวอย่างการใช้งาน YEAR คือฟังก์ชัน ประเภทวันที่และเวลาของ Excel โดยทั่วไปแล้ว ฟังก์ชัน YEAR ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าปี เป็นจำน... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน YEAR และตัวอย่างการใช้งาน

YEAR คือฟังก์ชัน ประเภทวันที่และเวลาของ Excel

โดยทั่วไปแล้ว ฟังก์ชัน YEAR ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าปี เป็นจำนวนเต็มในช่วง 1900-9999 ค่านี้ถูกหามาจากค่าตัวเลขที่ระบุที่ใช้แทนค่าวันที่

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน YEAR คือ YEAR(serial_number)

โดยที่ Serial_number คือ วันที่ในหนึ่งปีที่ต้องการค้นหา ซึ่งควรจะใส่วันที่โดยใช้ฟังก์ชัน DATE หรือใช้ผลลัพธ์จากสูตรหรือฟังก์ชันอื่นๆ ตัวอย่าง เช่น ใช้สูตร DATE(2551,5,23) แทนวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2551 เนื่องจากจะมีปัญหาเกิดขึ้นหากใส่วันที่ในรูปแบบข้อความ

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน Year ก็ได้แก่ Day, Hour, Minute, Month, Now, Second, Today, Weekday

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Year ได้แก่

1. คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ 0 คลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =year(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 1900

2. คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ 1/5/2001 คลิกเซลล์ C3 แล้วพิมพ์ =year(c2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2001

3. คลิกเซลล์ D2 แล้วพิมพ์ 375112 คลิกเซลล์ D3 แล้วพิมพ์ =year(d2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2927

4. คลิกเซลล์ D2 จากนั้นกำหนดรูปแบบวันที่เป็น 04-Mar-97 จะปรากฏค่า 07-Jan-2927

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน Workday และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน Workday และตัวอย่างการใช้งาน ฟังก์ชัน Workday เป็นฟังก์ชันด้านวันที่และเวลา ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าเป็นตัวเลขที่แทนวันที่ที่ระบุจำนวน... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน Workday และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน Workday เป็นฟังก์ชันด้านวันที่และเวลา ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าเป็นตัวเลขที่แทนวันที่ที่ระบุจำนวนของวันทำงานก่อนหรือหลังวันที่ต้องการ (วันเริ่มต้น) วันทำงานจะไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์และวันอื่นที่ระบุว่าเป็นวันหยุด ใช้ฟังก์ชัน workday เพื่อคำนวณวันครบกำหนดตามใบแจ้งรายการสินค้าที่ขายให้โดยไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุด เพื่อคาดหมายเวลาส่งของหรือจำนวนของวันทำงานจริง

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน Workday คือ Workday(start_date,days,holidays)

start_date คือวันที่ที่ใช้แทนวันที่เริ่มต้น

days คือจำนวนของวันที่ไม่มีวันสุดสัปดาห์และวันหยุดก่อนหรือหลัง วันเริ่มค่าบวกสำหรบวันในอนาคต ค่าลบมีผลเป็นวันที่ผ่านมาแล้ว

holidays คือรายการที่ประกอบด้วยวันที่หนึ่งวันหรือมากกว่าที่จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ซึ่งจะแปยกออกจากวันทำงาน เช่น วันหยุดแห่งรัฐและสหพันธรัฐและวันหยุดอิสระโดยสามารถใส่รายการเป็นแบบช่วงเซลล์ที่มีวันที่หรือค่าคงที่แบบอาร์เรย์ของหมายเลขอนุกรมที่ใช้แสดงถึงวันที่ได้

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องได้แก่ Edate, Eomonth, networkdays, Now

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Workday บน Excel 2010

1. เลือกเซลล์ A2:A4 พิมพ์ Start Date แล้วกด Enter พิมพ์ Days แล้วกด Enter

2. พิมพ์ Holiday แล้วกด Enter

3. เลือกเซลล์ B2:B4 แล้วพิมพ์ 3-Dec-2001 แล้วกด Enter

4. พิมพ์ 5 แล้วกด Enter

5. พิมพ์ 5-Dec-2001 แล้วกด Enter

6. คลิกเซลล์ B5 แล้วพิมพ์ 10-Dec-2001 แล้วคลิกเซลล์ B6 แล้วพิมพ์ 31-Dec-2001

7. คลิกเซลล์ B8 พิมพ์ =workday(b2,b3,b4:b6) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 37237 จากนั้นกำหนดรูปแบบวันที่เป็น 04-Mar-97 จะแสดงค่า 12-Dec-2001

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน VDB และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน VDB และตัวอย่างการใช้งาน VDB คือฟังก์ชันทางด้านการเงินของ Excel หน้าที่ของ ฟังก์ชัน VDB คือ ส่งกลับค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์สำหรับ... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน VDB และตัวอย่างการใช้งาน

VDB คือฟังก์ชันทางด้านการเงินของ Excel หน้าที่ของ ฟังก์ชัน VDB คือ ส่งกลับค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์สำหรับคาบเวลาใดๆที่คุณระบุหรือบางส่วนของคาบเวลาใดๆ ที่คุณระบุการคำนวณโดยใช้วิธีดุลที่ลดลงสองเท่า (double-declining balance method) หรือวิธีอื่นๆที่คุณระบุ VDB ย่อมาจาก variable declining balance

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน VDB คือ VDB(cost,salvage,life,start_period,end_period,factor,no_switch)

cost คือต้นทุนแรกเริ่มของสินทรัพย์

salvage คือมูลค่าที่เหลืออยู่หลังจากหักค่าเสื่อมราคาแล้ว (บางครั้งก็เรียกว่ามูลค่าซากของสินทรัพย์)

life คือ ตัวเลขระยะเวลาการเสื่อมราคาของสินทรัพย์ (บางครั้งก็เรียกว่าอายุการใช้งานของสินทรัพย์)

start_period คือคาบเวลาเริ่มต้นที่คุณต้องการคำนวรหาค่าเสื่อมราคาและต้องถูกระบุอยู่ในหน่วยเดียวกับอายุการใช้งานของสินทรัพย์

end_period คือคาบเวลาสิ้นสุดที่คุณต้องการคำนวณหาค่าเสื่อมราคาและต้องถูกระบุอยู่ในหน่วยเดียวกับอายุของสินทรัพย์

factor คืออัตราการลดลงของดุล ถ้าไม่ได้ใส่ค่า factor ไว้ ก็จะถือว่ามีค่าเท่ากับ 2 (วิธีดุลที่ลดลงสองเท่า) แต่ถ้าไม่ต้องการคำนวณด้วยวิธีดุลที่ลดลงสองเท่าให้ดูหัวข้อ DDB

no_switch คือค่าตรรกะที่มีการระบุว่าจะสลับไปยังการหาค่าเสื่อมราคาแบบเส้นตรง เมื่อค่าเสื่อมราคานั้นมากกว่าการคำนวณดุลที่ลดลง

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องได้แก่ DDB, SLN,SYD
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน VDB

1. เลือกเซลล์ A2:A8 แล้วพิมพ์ Cost แล้วกด Enter

2. พิมพ์ Salvage แล้วกด Enter

3. พิมพ์ Life แล้วกด Enter

4. พิมพ์ Start Period แล้วกด Enter

5. พิมพ์ End Period แล้วกด Enter

6. พิมพ์ Factor แล้วกด Enter

7. พิมพ์ No switch แล้วกด enter

8. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วพิมพ์ 100000 แล้วกด Enter

9. พิมพ์ 0 แล้วกด Enter

10. พิมพ์ 5 แล้วกด enter

11. พิมพ์ 0 แล้วกด Enter

12. พิมพ์ 1 แล้วกด Enter

13. คลิกเซลล์ B10 แล้วพิมพ์ =vdb(b2,b3,b4,b5,b6) แล้วกด enter จะแสดงผลของค่าเสื่อมราคาเป็น $40,000.00

14. ทดลองแก้ไขตัวเลขที่ Start Period เป็น 1 และที่ End Period เป็น 2 จะเห็นผลของค่าเสื่อมที่เซลล์ B10 เปลี่ยนไป

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน VARPA และตัวอย่างการใช้งาน (Excel 2010)

ฟังก์ชัน VARPA และตัวอย่างการใช้งาน (Excel 2010) VARPA เป็นฟังก์ชันประเภทสถิติ ทำหน้าที่ คำนวณหาค่าความแปรปรวนจากประชากรทั้งหมด โดยให้รวม... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน VARPA และตัวอย่างการใช้งาน (Excel 2010)

VARPA เป็นฟังก์ชันประเภทสถิติ ทำหน้าที่ คำนวณหาค่าความแปรปรวนจากประชากรทั้งหมด โดยให้รวมข้อความและค่าตรรกศาสตร์ เช่น TRUE และ FALSE ในการคำนวณด้วย

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน VARPA คือ VARPA(value1,value2,…)

โดยที่ value1, value2, … คืออาร์กิวเมนต์ค่า 1 ถึง 30 อาร์กิวเมนต์ที่ได้มาจากประชากร

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง เช่น DVAR, DVARP, VARA

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน VARA

1. เลือกเซลล์ B1:B9 แล้วพิมพ์ X จากนั้นกด Enter พิมพ์ 10 จากนั้นกด Enter พิมพ์ 50 จากนั้นกด Enter พิมพ์ TRUE จากนั้นกด Enter พิมพ์ 60 แล้วกด Enter พิมพ์ 45 แล้วกด Enter พิมพ์ 60 แล้วกด Enter พิมพ์ 70 แล้วกด Enter พิมพ์ 55 แล้วกด Enter

2. คลิกเซลล์ A10 แล้วพิมพ์ Sum แล้วคลิกเซลล์ A11 พิมพ์ N จากนั้นคลิกเซลล์ A13 แล้วพิมพ์ Varpa Calc แล้วคลิกเซลล์ A15 จากนั้นพิมพ์ว่า Varpa Function

3. คลิกเซลล์ C1 แล้วพิมพ์ X^2 จากนั้นระบายเซลล์ C2:C9 จากนั้นพิมพ์ =b2^2 แล้วกด Ctrl+Enter จะแสดงผลให้เห็น

4. คลิกเซลล์ B10 แล้วพิมพ์ =sum(b2:b9)+1 แล้วกด Enter จะแสดงค่า 351 หากมีข้อความที่เป็น FALSE หรือข้อความอื่นไม่ต้องพิมพ์สูตรเป็น +1 เพิ่มเข้าไป

5. คลิกเซลล์ C10 จากนั้นดับเบิ้ลคลิกปุ่ม Auto Sum จะได้ผลเป็น 19751

6. คลิกเซลล์ B11 แล้วพิมพ์ =counta(b2:b9) และกด Enter จะแสดงค่า 8

7. คลิกเซลล์ B13 แล้วพิมพ์ =(b11*c10-b10^2)/b11^2 แล้วกด Enterจะแสดงค่า 543.8594

8. คลิกเซลล์ B15 แล้วพิมพ์ =varpa(b2:b9) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 543.8594

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน SQRTPI และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน SQRTPI และตัวอย่างการใช้งาน SQRTPI คือฟังก์ชันประเภทคณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ หน้าที่ของ SQRTPI คือ ส่งกลับค่ารากที่สองของ (number... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน SQRTPI และตัวอย่างการใช้งาน

SQRTPI คือฟังก์ชันประเภทคณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ

หน้าที่ของ SQRTPI คือ ส่งกลับค่ารากที่สองของ (number*pi)

รูปแบบสูตร Excel ของ ฟังก์ชัน SQRTPI คือ SQRTPI(number)

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องก็ได้แก่ PI, SQRT

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน SQRTPI

1. คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ 4 จากนั้นคลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ =sqrt(b2*pi()) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 3.544908

2. คลิกเซลล์ B5 แล้วพิมพ์ =sqrtpi(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 3.544908 จะเห็นได้ว่าผลที่ออกมานั้นจะเหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน SQRT และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน SQRT และตัวอย่างการใช้งาน ฟังก์ชัน SQRT เป็นฟังก์ชันประเภทคณิตศาสตร์และตรีโกณมิติของ Excel หน้าที่ของฟังก์ชัน SQRT คือ ส่งกลับค่าร... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน SQRT และตัวอย่างการใช้งาน

ฟังก์ชัน SQRT เป็นฟังก์ชันประเภทคณิตศาสตร์และตรีโกณมิติของ Excel

หน้าที่ของฟังก์ชัน SQRT คือ ส่งกลับค่ารากที่สองของจำนวนที่ระบุ

โดยรูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน SQRT คือ SQRT(number)

โดยที่ number คือตัวเลขที่คุณต้องการรกที่สอง

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน SQRT


1. คลิกเซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 25 จากนั้นคลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =sqrt(a2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 5

2. คลิกเซลล์ A3 แล้วพิมพ์ 40 จากนั้นคลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =sqrt(a3) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 6.324555

3. คลิกเซลล์ A4 แล้วพิมพ์ -25 จากนั้นคลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ =sqrt(a4) แล้วกด Enter จะแสดงค่า #NUM! เพราะการคำนวณจะไม่สามารถหาค่าติดลบได้

4. ทดลองแก้ไขสูตรที่เซลล์ B4 ดังนี้ =sqrt(abs(a4)) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 5

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟังก์ชัน WEIBULL และตัวอย่างการใช้งาน (Excel 2010)

ฟังก์ชัน WEIBULL และตัวอย่างการใช้งาน (Excel 2010) WEIBULL เป็นฟังก์ชันด้านสถิติบน Excel หน้าที่ของมันคือ หาค่าความน่าจะเป็นของ Weibull di... thumbnail 1 summary
ฟังก์ชัน WEIBULL และตัวอย่างการใช้งาน (Excel 2010)

WEIBULL เป็นฟังก์ชันด้านสถิติบน Excel หน้าที่ของมันคือ หาค่าความน่าจะเป็นของ Weibull distribution ที่ x

รูปแบบ สูตร Excel ของ Weibull คือ Weibull(x,alpha,beta,cumulative)

โดยที่ x คือค่าซึ่งใช้ประเมินฟังก์ชัน

alpha คือพารามิเตอร์ของการแจกแจง

beta คือ พารามิเตอร์ของการแจกแจง

cumulative กำหนดรูปแบบของฟังก์ชัน

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Weibull

1. เลือกเซลล์ A2:A5 จากนั้นพิมพ์ x แล้วกด Enter พิมพ์ Alpha กด Enter พิมพ์ Beta แล้วกด Enter พิมพ์ Cumulative แล้วกด Enter

2. เลือกเซลล์ B2:B5 จากนั้นพิมพ์ 100 แล้วกด Enter พิมพ์ 20 แล้วกด Enter พิมพ์ 100 แล้วกด Enter พิมพ์ True แล้วกด Enter

3. เลือกเซลล์ C2:C5 จากนั้นพิมพ์ 100 แล้วกด Enter พิมพ์ 20 แล้วกด Enter พิมพ์ 100 แล้วกด Enter พิมพ์ False แล้วกด Enter

4. คลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =exp((b2/b4)^b3*(-1)) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.367879

5. คลิกเซลล์ B9 แล้วพิมพ์ =1-b7 แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.632121

6. คลิกเซลล์ C9 แล้วพิมพ์ =c3/c4^c3*c2^(c3-1)*b7 แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.073576

7. คลิกเซลล์ B11 แล้วพิมพ์ =weibull(b2,b3,b4,b5) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.632121

8. คลิกเซลล์ C11 แล้วพิมพ์ =weibull(c2,c3,c4,c5) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.073576