ฟังก์ชั่น COUNTIF
ประเภท คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ
ทำหน้าที่ นับจำนวนของเซลล์ภายในช่วงที่ตรงตามเงื่อนไขที่คุณระบุ
รูปแบบสูตรที่ใช้บน Excel คือ countif(range,criteria)
โดยที่ range คือ ช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการนับเซลล์ที่ไม่ว่าง และตรงตามเงื่อนไข
Criteria คือ เงื่อนไขซึ่งอยู่ในรูปแบบตัวเลข นิพจน์ หรือข้อความ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าเซลล์ใดจะถูกนับ ตัวอย่างเช่น เงื่อนไขอาจจะแสดงเป็น 32, “32W, “>32”, “apples”
ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ COUNTBLANK, SUMIF
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น COUNTIF บน Excel ให้ทำดังนี้
· ระบายเซลล์ B2:B6 แล้วพิมพ์ตัวเลข 100 แล้วกด Enter
· พิมพ์ 200 แล้วกด Enter จากนั้นพิมพ์ 300 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 250 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 350 แล้วกด Enter
· ระบายเซลล์ C2:C6 แล้วพิมพ์ตัวเลข 150 แล้วกด Enter
· พิมพ์ 260 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 300 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 420 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 320 แล้วกด Enter
· ระบายเซลล์ D2:D6 แล้วพิมพ์ตัวเลข 120 และกด Enter
· พิมพ์ 245 และกด Enter แล้วพิมพ์ 300 แล้วกด Enter แล้พิมพ์ 150 และกด Enter แล้วพิมพ์ 340 และกด Enter
· คลิกเซลล์ D8 แล้วพิมพ์ =countif(b2:d6,”>=250”) และกด Enter จะแสดงค่า 9 ออกมา
· คลิกเซลล์ C8 แล้วพิมพ์ >=250
· ที่เซลล์ D8 ให้พิมพ์ =countif(b2:b6,c8) และกด Enter จะแสดงค่า 9 ออกมา
ประเภท คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ
ทำหน้าที่ นับจำนวนของเซลล์ภายในช่วงที่ตรงตามเงื่อนไขที่คุณระบุ
รูปแบบสูตรที่ใช้บน Excel คือ countif(range,criteria)
โดยที่ range คือ ช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการนับเซลล์ที่ไม่ว่าง และตรงตามเงื่อนไข
Criteria คือ เงื่อนไขซึ่งอยู่ในรูปแบบตัวเลข นิพจน์ หรือข้อความ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าเซลล์ใดจะถูกนับ ตัวอย่างเช่น เงื่อนไขอาจจะแสดงเป็น 32, “32W, “>32”, “apples”
ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ COUNTBLANK, SUMIF
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น COUNTIF บน Excel ให้ทำดังนี้
· ระบายเซลล์ B2:B6 แล้วพิมพ์ตัวเลข 100 แล้วกด Enter
· พิมพ์ 200 แล้วกด Enter จากนั้นพิมพ์ 300 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 250 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 350 แล้วกด Enter
· ระบายเซลล์ C2:C6 แล้วพิมพ์ตัวเลข 150 แล้วกด Enter
· พิมพ์ 260 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 300 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 420 แล้วกด Enter แล้วพิมพ์ 320 แล้วกด Enter
· ระบายเซลล์ D2:D6 แล้วพิมพ์ตัวเลข 120 และกด Enter
· พิมพ์ 245 และกด Enter แล้วพิมพ์ 300 แล้วกด Enter แล้พิมพ์ 150 และกด Enter แล้วพิมพ์ 340 และกด Enter
· คลิกเซลล์ D8 แล้วพิมพ์ =countif(b2:d6,”>=250”) และกด Enter จะแสดงค่า 9 ออกมา
· คลิกเซลล์ C8 แล้วพิมพ์ >=250
· ที่เซลล์ D8 ให้พิมพ์ =countif(b2:b6,c8) และกด Enter จะแสดงค่า 9 ออกมา