วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Excel กับฟังก์ชั่น MATCH

Excel กับฟังก์ชั่น MATCH ประเภทของฟังก์ชั่น คือ การค้นหาและการอ้างอิง หน้าที่ของฟังก์ชั่น คือ ส่งกลับค่าตำแหน่งของรายการในอาร์เรย์ที่ตรงกับ... thumbnail 1 summary
Excel กับฟังก์ชั่น MATCH

ประเภทของฟังก์ชั่น คือ การค้นหาและการอ้างอิง

หน้าที่ของฟังก์ชั่น คือ ส่งกลับค่าตำแหน่งของรายการในอาร์เรย์ที่ตรงกับค่าที่ระบุซึ่งอยู่ในลำดับการจัดเรียงที่ระบุให้ใช้ค่าที่ตรงกันแทนที่จะใช้หนึ่งในฟังก์ชั่น Lookup เมื่อคุณต้องการตำแหน่งของรายการในช่วงแทนที่จะเป็นตัวของรายการเอง

รูปแบบสูตรของฟังก์ชั่น MATCH คือ MATCH(lookup_value,lookup_array,match_type)

lookup_value คือค่าที่คุณต้องการหาจากในตาราง

lookup_value คือค่าที่คุณต้องการที่ตรงกับค่าใน lookup_array เช่น เมื่อคุณค้นหาหมายเลขในสมุดโทรศัพท์ของบางคน คุณกำลังใช้ชื่อของบุคคลนั้นเป็นค่าการค้นหา แต่หมายเลขโทรศัพท์เป็นค่าที่คุณต้องการ

lookup_value สามารถอยู่ในรูปตัวเลข ข้อความ หรือค่าตรรกะ หรือการอ้างอิงเซลล์ไปยังตัวเลข การอ้างอิงเซลล์ไปยังข้อความ หรือการอ้างอิงเซลล์ไปยังค่าตรรกะ

lookup_array คือ ช่วงเซลล์ที่ติดกันซึ่งมีค่าที่ต้องการค้นหาเก็บอยู่ โดยจะต้องใส่ค่าที่เป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิงไปยังอาร์เรย์

match_type คือตัวเลข -1, 0 หรือ 1 ซึ่งระบุวิธีที่ Microsoft Excel ใช้หาค่า lookup_value ที่ตรงกับค่าใน lookup_array

ถ้า match_type เป็น 1 ฟังก์ชั่น Match จะค้นหาค่ามากสุดที่น้อยกว่า หรือเท่ากับ lookup_value โดย lookup_array จะต้องเรียงลำดับจากน้อยไปหามากนั่นคือ …-2, -1, 0, 1, 2, …., A-Z, FALSE, TRUE

ถ้า match_type เป็น 0 ฟังก์ชั่น Match จะค้นหาค่าแรกที่เท่ากับ lookup_value โดยค่าของ lookup_array จะเรียงลำดับแบบใดก็ได้

ถ้า match_type เป็น -1 ฟังก์ชั่น MATCH จะค้นหาค่าน้อยสุดที่มากกว่าหรือเท่ากับค่าของ lookup_value โดยต้องใส่ค่าของ lookup_array เรียงตามลำดับจากมากไปน้อย นั่นคือ TRUE, FALse, Z-A, …2, 1, 0, -1, -2, … และต่อๆไป

ถ้าไม่ได้ใส่ค่าของ match_type ไว้ ก็จะถือว่าคำนี้เท่ากับ 1

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น MATCH มีดังนี้

1 ระบายเซลล์ B2:B7 แล้วพิมพ์ 0 กด Enter พิมพ์ 10 กด Enter พิมพ์ 20 กด Enter พิมพ์ 30 กด Enter พิมพ์ 40 กด Enter พิมพ์ 50 กด Enter

2 Copy ข้อมูลจากเซลล์ B2:B7 ไปไว้ที่เซลล์ C2:C7 จากนั้นไปเซลล์ C2:C7 ให้ Sort ข้อมูลแบบ Z-A

3 ระบายเซลล์ A10:A14 แล้วพิมพ์ 24 กด Enter พิมพ์ 24 กด Enter

พิมพ์ 24 กด Enter พิมพ์ 30 กด Enter พิมพ์ 30 กด Enter พิมพ์ 30 กด Enter

4 คลิกเซลล์ B10 แล้วพิมพ์ =math(a10,$b$2:$b$7,1) และกด Enter จะโชว์ 3 จากนั้น Auto Fill สูตรจากเซลล์ B10 ลงมาที่เซลล์ B15

5 คลิกเซลล์ B11 แล้วแก้สูตรเป็น =match(a12,$b$2:$b$7,-1) และกด Enter จะเห็นข้อมูลที่เซลล์ B11 โชว์ #N/A

6 คลิกเซลล์ B13 แล้วแก้สูตรเป็น =match(a12,$b$2:$b$7,0) และกด Enter จะเห็นข้อมูลที่เซลล์ B12 โชว์ #N/A

7 คลิกเซลล์ B13 แล้วแก้สูตรเป็น =match(a13,$b$2:$b$7,1) และกด Enter จะเห็นข้อมูลที่เซลล์ B13 โชว์ 4

8 คลิกเซลล์ B14 แล้วแก้สูตรเป็น =match(a14,$b$2:$b$7,-1) และกด Enter จะเห็นข้อมูลที่เซลล์ B14 โชว์ #N/A

9 คลิกเซลล์ B15 แล้วแก้สูตรเป็น =match(a15,$b$2:$b$7,0) และกด Enter จะเห็นข้อมูลที่เซลล์ B15 โชว์ 4

10 คลิกเซลล์ C10 แล้วพิมพ์ =match(a10,$c$2:$c$7,1) และกด Enter จะโชว์ #N/A จากนั้น Auto Fill สูตรลงไปที่เซลล์ C15

11 คลิกที่เซลล์ C11 แล้วแก้ไขสูตรเป็น =match(a11,$c$2:$c$7,-1) และกด Enter จะโชว์ 3 จากนั้นทดลองแก้ไขสูตรใน C12 ถึง C15 ดู