Excel กับฟังก์ชั่น IMSUB
ฟังก์ชั่น IMSUB เป็นฟังก์ชั่นประเภท วิศวกรรม
ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าผลต่างของจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน ในรูปแบบข้อความ x+yi หรือ x+yj
รูปบบสูตร IMSUB(inumber1, inumber2)
โดยที่ inumber1 คือ จำนวนเชิงซ้อนที่ต้องการลบด้วย inumber2
inumber2 คือ จำนวนเชิงซ้อนที่นำไปลบออกจาก inumber1
รูปแบบสูตรทางคณิตศาสตร์ คือ (a+bi)-(c+di)=(a-c)+(b-d)i
ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องได้แก่ IMAGINARY, IMREAL, IMSUm
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น IMSUB
1. คลิกที่เซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 5+2i แล้วคลิกที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ 8+1i
2. ระบายเซลล์ A3:A8 พิมพ์ a กด Enter พิมพ์ b กด Enter พิมพ์ c กด enter พิมพ์ d กด Enter พิมพ์ x กด Enter พิมพ์ y กด Enter
3. ระบายเซลล์ B3:B6 พิมพ์ 5 กด Enter พิมพ์ 2 กด Enter พิมพ์ 8 กด Enter พิมพ์ 1 กด Enter
4. คลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =b3-b5 แล้วกด Enter จะแสดงค่า -3
5. คลิกเซลล์ B8 แล้วพิมพ์ =b4-b6 แล้วกด Enter จะแสดง 1
6. คลิกเซลล์ B9 แล้วพิมพ์ =complex(b7,b8) แล้วกด Enter จะแสดง -3+i
7. คลิกเซลล์ B11 แล้วพิมพ์ =imsub(a2,b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า -3+i
ฟังก์ชั่น IMSUB เป็นฟังก์ชั่นประเภท วิศวกรรม
ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าผลต่างของจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน ในรูปแบบข้อความ x+yi หรือ x+yj
รูปบบสูตร IMSUB(inumber1, inumber2)
โดยที่ inumber1 คือ จำนวนเชิงซ้อนที่ต้องการลบด้วย inumber2
inumber2 คือ จำนวนเชิงซ้อนที่นำไปลบออกจาก inumber1
รูปแบบสูตรทางคณิตศาสตร์ คือ (a+bi)-(c+di)=(a-c)+(b-d)i
ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องได้แก่ IMAGINARY, IMREAL, IMSUm
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น IMSUB
1. คลิกที่เซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 5+2i แล้วคลิกที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ 8+1i
2. ระบายเซลล์ A3:A8 พิมพ์ a กด Enter พิมพ์ b กด Enter พิมพ์ c กด enter พิมพ์ d กด Enter พิมพ์ x กด Enter พิมพ์ y กด Enter
3. ระบายเซลล์ B3:B6 พิมพ์ 5 กด Enter พิมพ์ 2 กด Enter พิมพ์ 8 กด Enter พิมพ์ 1 กด Enter
4. คลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =b3-b5 แล้วกด Enter จะแสดงค่า -3
5. คลิกเซลล์ B8 แล้วพิมพ์ =b4-b6 แล้วกด Enter จะแสดง 1
6. คลิกเซลล์ B9 แล้วพิมพ์ =complex(b7,b8) แล้วกด Enter จะแสดง -3+i
7. คลิกเซลล์ B11 แล้วพิมพ์ =imsub(a2,b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า -3+i