22:07:00
สูตร Excel การใช้ฟังก์ชั่น CODE
CODE เป็นฟังก์ชั่นประเภทข้อความของ Excel มีหน้าที่ส่งกลับค่าตัวเลขสำหรับอักขระตัวแรกในสายอักขระข้อความ โดยที่รหัสดังกล่าวถูกหามาจากชุดอักขระที่ใช้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา นั่นเอง
รูปแบบ สูตร Excel ของสูตรหรือฟังก์ชั่น CODE คือ CODE(text)
โดยที่ text คือ ข้อความที่เราต้องการรหัสของอักขระตัวแรก
สาธิตการใช้ ฟังก์ชั่น CODE
สูตร Excel ที่เกี่ยวข้องกับสูตรหรือ ฟังก์ชั่น CODE ได้แก่ ฟังก์ชั่น CHAR ซึ่งเราได้เคยกล่าวไปแล้ว
ตัวอย่างการใช้งาน สูตร CODE ให้เราลองทำตามตัวอย่างต่อไปนี้ดูน่ะครับ
1. ให้คลิ้กที่เซลล์ A2 จากนั้นพิมพ์ a เข้าไป
2. คลิ้กที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =code(a2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 97
3. คลิ้กที่เซลล์ A3 แล้วพิมพ์ A จาก
4. คลิ้กที่เซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =code(a3) จากนั้นกด Enter จะแสดงค่า 65
5. คลิ้กเซลล์ A4 แล้วพิมพ์ CIS
6. คลิ้กเซลล์ B4 แล้วพิมพ์สูตร =code(a4) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 67
7. คลิ้กเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =char(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า a
จาก ตัวอย่างที่ให้ทำตั้งแต่ข้อ 1 ถึง ข้อ 7 เราอาจจะไม่เห็นภาพนึกตามแล้วงงๆ ถ้างั้นเรามาดูตัวอย่างอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ แบบรูปภาพกัน
Example 1
จากภาพด้านบน ให้เราออกแบบโปรแกรมโดยการพิมพ์ a ถึง z และ A ถึง Z จาก เซลล์ A1 ถึง เซลล์ F2
จากนั้น พิมพ์ =code(a1) ที่เซลล์ a12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ a21
พิมพ์ =code(b1) ที่เซลล์ b12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ b21
พิมพ์ =code(c1) ที่เซลล์ c12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ c21
พิมพ์ =code(d1) ที่เซลล์ d12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ d21
พิมพ์ =code(e1) ที่เซลล์ e12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ e21
ก็จะได้คำตอบตามภาพด้านบนครับ...เช่น ค่า a มีรหัสแอสกีที่คอมพิวเตอร์กำหนดให้คือ 97
ส่วน A มีรหัสแอสกีที่คอมพิวเตอร์กำหนดให้คือ 65 อย่างนี้เป็นต้นครับ
CODE เป็นฟังก์ชั่นประเภทข้อความของ Excel มีหน้าที่ส่งกลับค่าตัวเลขสำหรับอักขระตัวแรกในสายอักขระข้อความ โดยที่รหัสดังกล่าวถูกหามาจากชุดอักขระที่ใช้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา นั่นเอง
รูปแบบ สูตร Excel ของสูตรหรือฟังก์ชั่น CODE คือ CODE(text)
โดยที่ text คือ ข้อความที่เราต้องการรหัสของอักขระตัวแรก
สาธิตการใช้ ฟังก์ชั่น CODE
สูตร Excel ที่เกี่ยวข้องกับสูตรหรือ ฟังก์ชั่น CODE ได้แก่ ฟังก์ชั่น CHAR ซึ่งเราได้เคยกล่าวไปแล้ว
ตัวอย่างการใช้งาน สูตร CODE ให้เราลองทำตามตัวอย่างต่อไปนี้ดูน่ะครับ
1. ให้คลิ้กที่เซลล์ A2 จากนั้นพิมพ์ a เข้าไป
2. คลิ้กที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =code(a2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 97
3. คลิ้กที่เซลล์ A3 แล้วพิมพ์ A จาก
4. คลิ้กที่เซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =code(a3) จากนั้นกด Enter จะแสดงค่า 65
5. คลิ้กเซลล์ A4 แล้วพิมพ์ CIS
6. คลิ้กเซลล์ B4 แล้วพิมพ์สูตร =code(a4) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 67
7. คลิ้กเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =char(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า a
จาก ตัวอย่างที่ให้ทำตั้งแต่ข้อ 1 ถึง ข้อ 7 เราอาจจะไม่เห็นภาพนึกตามแล้วงงๆ ถ้างั้นเรามาดูตัวอย่างอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ แบบรูปภาพกัน
Example 1
จากภาพด้านบน ให้เราออกแบบโปรแกรมโดยการพิมพ์ a ถึง z และ A ถึง Z จาก เซลล์ A1 ถึง เซลล์ F2
จากนั้น พิมพ์ =code(a1) ที่เซลล์ a12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ a21
พิมพ์ =code(b1) ที่เซลล์ b12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ b21
พิมพ์ =code(c1) ที่เซลล์ c12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ c21
พิมพ์ =code(d1) ที่เซลล์ d12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ d21
พิมพ์ =code(e1) ที่เซลล์ e12 แล้ว auto fill ลงมาที่เซลล์ e21
ก็จะได้คำตอบตามภาพด้านบนครับ...เช่น ค่า a มีรหัสแอสกีที่คอมพิวเตอร์กำหนดให้คือ 97
ส่วน A มีรหัสแอสกีที่คอมพิวเตอร์กำหนดให้คือ 65 อย่างนี้เป็นต้นครับ
