สูตร Excel การใช้ฟังก์ชั่น ISREF
ISREF จัดเป็นฟังก์ชั่น ด้านข้อมูล
ทำหน้าที่ คืนค่า True กลับมา ถ้าค่าเป็นการอ้างอิง
รูปแบบสูตร คือ ISREF(value)
โดยที่ Value คือค่าที่คุณต้องการให้ทดสอบ ค่า value สามารถเป็นค่าว่างเปล่า (เซลล์ว่าง) ค่าความผิดพลาด ตรรกะ ข้อความ ตัวเลข หรือค่าการอ้างอิงหรือชื่อซึ่งอ้างอิงกับอะไรก็ได้ที่เราต้องการทดสอบ
สูตร Excel ที่เกี่ยวข้องก็ได้แก่ ERROR.TYPE, ISEVEN, ISODD, TYPE
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น ISREF ให้เราลองทำตามตัวอย่างต่อไปนี้ดู
1. คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =isref(a1) แล้วกด Enter จะแสดงค่า True
2. คลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =isref(“CIS”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
3. คลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ =isref(100) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
4. คลิกเซลล์ B5 แล้วพิมพ์ =isref(“”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
5. คลิกเซลล์ B6 แล้วพิมพ์ =isref(d2:f6) แล้วกด enter จะแสดงค่า True
6. คลิกเซลล์ A7 แล้วพิมพ์ a1 จากนั้นคลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =isref(a7) แล้วกด Enter จะแสดงค่า True ออกมา
7. หากคลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =isref(“a7”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
ISREF จัดเป็นฟังก์ชั่น ด้านข้อมูล
ทำหน้าที่ คืนค่า True กลับมา ถ้าค่าเป็นการอ้างอิง
รูปแบบสูตร คือ ISREF(value)
โดยที่ Value คือค่าที่คุณต้องการให้ทดสอบ ค่า value สามารถเป็นค่าว่างเปล่า (เซลล์ว่าง) ค่าความผิดพลาด ตรรกะ ข้อความ ตัวเลข หรือค่าการอ้างอิงหรือชื่อซึ่งอ้างอิงกับอะไรก็ได้ที่เราต้องการทดสอบ
สูตร Excel ที่เกี่ยวข้องก็ได้แก่ ERROR.TYPE, ISEVEN, ISODD, TYPE
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่น ISREF ให้เราลองทำตามตัวอย่างต่อไปนี้ดู
1. คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =isref(a1) แล้วกด Enter จะแสดงค่า True
2. คลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =isref(“CIS”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
3. คลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ =isref(100) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
4. คลิกเซลล์ B5 แล้วพิมพ์ =isref(“”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False
5. คลิกเซลล์ B6 แล้วพิมพ์ =isref(d2:f6) แล้วกด enter จะแสดงค่า True
6. คลิกเซลล์ A7 แล้วพิมพ์ a1 จากนั้นคลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =isref(a7) แล้วกด Enter จะแสดงค่า True ออกมา
7. หากคลิกเซลล์ B7 แล้วพิมพ์ =isref(“a7”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า False