ฟังก์ชัน MODE และวิธีใช้งาน
ฟังก์ชัน MODE เป็นฟังก์ชัน ทางด้านสถิติ ของ Excel
ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าฐานนิยม (ค่าเกิดขึ้น หรือทำซ้ำบ่อยที่สุด) ในอาร์เรย์ หรือช่วงของข้อมูล ฟังก์ชัน MODE เป็นการวัดตำแหน่งเช่นเดียวกับ MEDIAN
รูปแบบสูตรของฟังก์ชัน MODE คือ MODE(number1,number2,…)
number1, number2.. เป็น 1 ถึง 30 อาร์กิวเมนต์ใดๆ ซึ่งคุณต้องการคำนวณหาค่าฐานนิยม คุณยังสามารถใช้อาร์เรย์เดี่ยวหรือการอ้างอิงที่อาร์เรย์ได้โดยแทนที่เป็นอาร์กิวเมนต์ที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Average, Gemomean, Harmean, Median, Trimean
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน MODE
1. เลือกเซลล์ B2:B10 แล้วพิมพ์ 2 แล้วกด Enter พิมพ์ 4 แล้วกด Enter พิมพ์ 6 แล้วกด Enter พิมพ์ 8 แล้วกด Enter พิมพ์ 10 แล้วกด Enter พิมพ์ 12 แล้วกด Enter พิมพ์ 14 แล้วกด Enter พิมพ์ 14 แล้วกด Enter พิมพ์ 18 แล้วกด Enter
2. คลิกเซลล์ B12 แล้วพิมพ์ =mode(b2:b10) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 14 เนื่องจากมีเลขซ้ำกัน
3. หากพิมพ์ 4 ที่เซลล์ B4 และ B5 ผลที่เซลล์ B12 จะแสดงค่า 4 เนื่องจากมีเลข 4 ซ้ำกัน
4. หากพิมพ์ตัวเลขที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละเซลล์ ผลที่เซลล์ B12 จะแสดงค่า #N/A
ฟังก์ชัน MODE เป็นฟังก์ชัน ทางด้านสถิติ ของ Excel
ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าฐานนิยม (ค่าเกิดขึ้น หรือทำซ้ำบ่อยที่สุด) ในอาร์เรย์ หรือช่วงของข้อมูล ฟังก์ชัน MODE เป็นการวัดตำแหน่งเช่นเดียวกับ MEDIAN
รูปแบบสูตรของฟังก์ชัน MODE คือ MODE(number1,number2,…)
number1, number2.. เป็น 1 ถึง 30 อาร์กิวเมนต์ใดๆ ซึ่งคุณต้องการคำนวณหาค่าฐานนิยม คุณยังสามารถใช้อาร์เรย์เดี่ยวหรือการอ้างอิงที่อาร์เรย์ได้โดยแทนที่เป็นอาร์กิวเมนต์ที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Average, Gemomean, Harmean, Median, Trimean
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน MODE
1. เลือกเซลล์ B2:B10 แล้วพิมพ์ 2 แล้วกด Enter พิมพ์ 4 แล้วกด Enter พิมพ์ 6 แล้วกด Enter พิมพ์ 8 แล้วกด Enter พิมพ์ 10 แล้วกด Enter พิมพ์ 12 แล้วกด Enter พิมพ์ 14 แล้วกด Enter พิมพ์ 14 แล้วกด Enter พิมพ์ 18 แล้วกด Enter
2. คลิกเซลล์ B12 แล้วพิมพ์ =mode(b2:b10) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 14 เนื่องจากมีเลขซ้ำกัน
3. หากพิมพ์ 4 ที่เซลล์ B4 และ B5 ผลที่เซลล์ B12 จะแสดงค่า 4 เนื่องจากมีเลข 4 ซ้ำกัน
4. หากพิมพ์ตัวเลขที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละเซลล์ ผลที่เซลล์ B12 จะแสดงค่า #N/A