ฟังก์ชัน YEAR และตัวอย่างการใช้งาน
YEAR คือฟังก์ชัน ประเภทวันที่และเวลาของ Excel
โดยทั่วไปแล้ว ฟังก์ชัน YEAR ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าปี เป็นจำนวนเต็มในช่วง 1900-9999 ค่านี้ถูกหามาจากค่าตัวเลขที่ระบุที่ใช้แทนค่าวันที่
รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน YEAR คือ YEAR(serial_number)
โดยที่ Serial_number คือ วันที่ในหนึ่งปีที่ต้องการค้นหา ซึ่งควรจะใส่วันที่โดยใช้ฟังก์ชัน DATE หรือใช้ผลลัพธ์จากสูตรหรือฟังก์ชันอื่นๆ ตัวอย่าง เช่น ใช้สูตร DATE(2551,5,23) แทนวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2551 เนื่องจากจะมีปัญหาเกิดขึ้นหากใส่วันที่ในรูปแบบข้อความ
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน Year ก็ได้แก่ Day, Hour, Minute, Month, Now, Second, Today, Weekday
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Year ได้แก่
1. คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ 0 คลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =year(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 1900
2. คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ 1/5/2001 คลิกเซลล์ C3 แล้วพิมพ์ =year(c2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2001
3. คลิกเซลล์ D2 แล้วพิมพ์ 375112 คลิกเซลล์ D3 แล้วพิมพ์ =year(d2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2927
4. คลิกเซลล์ D2 จากนั้นกำหนดรูปแบบวันที่เป็น 04-Mar-97 จะปรากฏค่า 07-Jan-2927
YEAR คือฟังก์ชัน ประเภทวันที่และเวลาของ Excel
โดยทั่วไปแล้ว ฟังก์ชัน YEAR ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าปี เป็นจำนวนเต็มในช่วง 1900-9999 ค่านี้ถูกหามาจากค่าตัวเลขที่ระบุที่ใช้แทนค่าวันที่
รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชัน YEAR คือ YEAR(serial_number)
โดยที่ Serial_number คือ วันที่ในหนึ่งปีที่ต้องการค้นหา ซึ่งควรจะใส่วันที่โดยใช้ฟังก์ชัน DATE หรือใช้ผลลัพธ์จากสูตรหรือฟังก์ชันอื่นๆ ตัวอย่าง เช่น ใช้สูตร DATE(2551,5,23) แทนวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2551 เนื่องจากจะมีปัญหาเกิดขึ้นหากใส่วันที่ในรูปแบบข้อความ
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน Year ก็ได้แก่ Day, Hour, Minute, Month, Now, Second, Today, Weekday
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Year ได้แก่
1. คลิกเซลล์ B2 แล้วพิมพ์ 0 คลิกเซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =year(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 1900
2. คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ 1/5/2001 คลิกเซลล์ C3 แล้วพิมพ์ =year(c2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2001
3. คลิกเซลล์ D2 แล้วพิมพ์ 375112 คลิกเซลล์ D3 แล้วพิมพ์ =year(d2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 2927
4. คลิกเซลล์ D2 จากนั้นกำหนดรูปแบบวันที่เป็น 04-Mar-97 จะปรากฏค่า 07-Jan-2927