ฟังก์ชัน YIELD และตัวอย่างการใช้งาน
สูตร Excel หรือ ฟังก์ชัน YIELD เป็นฟังก์ชัน ทางด้าน การเงิน
โดยที่ สูตร YIELD มีหน้าที่ ส่งกลับค่าผลตอบแทนสำหรับหลักทรัพย์ที่จ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด โดยที่เราใช้ สูตร YIELD ในการคำนวณผลตอบแทนของพันธบัตร
รูปแบบ สูตร Excel ของ ฟังก์ชัน YIELD คือ YIELD(settlement, maturity,rate,pr,redemption,frequency,basis)
โดยที่ ค่าตัวแปรแต่ละตัว มีความหมายดังนี้
Settlement คือ วันที่ทำข้อตกลงของหลักทรัพย์ ซึ่งก์คือวันที่ส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อ
maturity คือ วันที่ครบกำหนดชำระของหลักทรัพย์ ซึ่งก็คือวันที่หลักทรัพย์หมดอายุลงนั่นเอง
rate คือ อัตราค่าธรรมเนียมตราสารรายปีของหลักทรัพย์
pr คือ ราคาของหลักทรัพย์ต่อมูลค่าตามตราสาร 100 ดอลล่าร์
redemption คือ มูลค่าไถ่ถอนของหลักทรัพย์ต่อมูลค่าตามตราสาร 100 ดอลล่าร์
frequency คือ จำนวนครั้งในการชำระค่าตราสารต่อปี ในกรณีที่เป็นชำระแบบรายปี frequency=1 ถ้าเป็นการชำระแบบรายครึ่งปี frequency = 2 และถ้าเป็นการชำระแบบรายไตรมาส frequency=4
basis คือ ชนิดของหลักเกณฑ์ในการนับจำนวนวัน
ฟังก์ชันที่มีความเกี่ยวข้องกับ ฟังก์ชัน YIELD คือ Now, Price
ตัวอย่างการใช้งาน สูตร หรือ ฟังก์ชัน YIELD ให้เราทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกเซลล์ A2:A8 แล้วพิมพ์ Settlement Date แล้วกด Enter
2. พิมพ์ Maturity Date แล้วกด Enter
3. พิมพ์ Rate แล้วกด Enter
4. พิมพ์ Pr แล้วกด Enter
5. พิมพ์ Redemption แล้วกด Enter
6. พิมพ์ Frequency แล้วกด Enter
7. พิมพ์ Basis แล้วกด Enter
8. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วพิมพ์ 15/2/2001 แล้วกด Enter
9. พิมพ์ 15/6/2001 แล้วกด Enter
10. พิมพ์ 5.25% แล้วกด Enter
11. พิมพ์ 99 แล้วกด Enter
12. พิมพ์ 100 แล้วกด Enter
13. พิมพ์ 2 แล้วกด Enter
14. พิมพ์ 0 แล้วกด Enter
15. คลิกเซลล์ B10 แล้วพิมพ์ =yield(b2,b3,b4,b5,b6,b7,b8) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.082603 หากกำหนดเป็น Percentage จะแสดงค่า 8.28%
สูตร Excel หรือ ฟังก์ชัน YIELD เป็นฟังก์ชัน ทางด้าน การเงิน
โดยที่ สูตร YIELD มีหน้าที่ ส่งกลับค่าผลตอบแทนสำหรับหลักทรัพย์ที่จ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด โดยที่เราใช้ สูตร YIELD ในการคำนวณผลตอบแทนของพันธบัตร
รูปแบบ สูตร Excel ของ ฟังก์ชัน YIELD คือ YIELD(settlement, maturity,rate,pr,redemption,frequency,basis)
โดยที่ ค่าตัวแปรแต่ละตัว มีความหมายดังนี้
Settlement คือ วันที่ทำข้อตกลงของหลักทรัพย์ ซึ่งก์คือวันที่ส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อ
maturity คือ วันที่ครบกำหนดชำระของหลักทรัพย์ ซึ่งก็คือวันที่หลักทรัพย์หมดอายุลงนั่นเอง
rate คือ อัตราค่าธรรมเนียมตราสารรายปีของหลักทรัพย์
pr คือ ราคาของหลักทรัพย์ต่อมูลค่าตามตราสาร 100 ดอลล่าร์
redemption คือ มูลค่าไถ่ถอนของหลักทรัพย์ต่อมูลค่าตามตราสาร 100 ดอลล่าร์
frequency คือ จำนวนครั้งในการชำระค่าตราสารต่อปี ในกรณีที่เป็นชำระแบบรายปี frequency=1 ถ้าเป็นการชำระแบบรายครึ่งปี frequency = 2 และถ้าเป็นการชำระแบบรายไตรมาส frequency=4
basis คือ ชนิดของหลักเกณฑ์ในการนับจำนวนวัน
ฟังก์ชันที่มีความเกี่ยวข้องกับ ฟังก์ชัน YIELD คือ Now, Price
ตัวอย่างการใช้งาน สูตร หรือ ฟังก์ชัน YIELD ให้เราทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกเซลล์ A2:A8 แล้วพิมพ์ Settlement Date แล้วกด Enter
2. พิมพ์ Maturity Date แล้วกด Enter
3. พิมพ์ Rate แล้วกด Enter
4. พิมพ์ Pr แล้วกด Enter
5. พิมพ์ Redemption แล้วกด Enter
6. พิมพ์ Frequency แล้วกด Enter
7. พิมพ์ Basis แล้วกด Enter
8. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วพิมพ์ 15/2/2001 แล้วกด Enter
9. พิมพ์ 15/6/2001 แล้วกด Enter
10. พิมพ์ 5.25% แล้วกด Enter
11. พิมพ์ 99 แล้วกด Enter
12. พิมพ์ 100 แล้วกด Enter
13. พิมพ์ 2 แล้วกด Enter
14. พิมพ์ 0 แล้วกด Enter
15. คลิกเซลล์ B10 แล้วพิมพ์ =yield(b2,b3,b4,b5,b6,b7,b8) แล้วกด Enter จะแสดงค่า 0.082603 หากกำหนดเป็น Percentage จะแสดงค่า 8.28%