วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สูตร Excel การใช้งานฟังก์ชั่น NOT

สูตร Excel การใช้งานฟังก์ชั่น NOT สูตร หรือ ฟังก์ชั่น NOT บน Excel จัดเป็นฟังก์ชั่นทางด้านตรรกศาสตร์ ฟังก์ชั่น NOT ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าตรร... thumbnail 1 summary
สูตร Excel การใช้งานฟังก์ชั่น NOT

สูตร หรือ ฟังก์ชั่น NOT บน Excel จัดเป็นฟังก์ชั่นทางด้านตรรกศาสตร์

ฟังก์ชั่น NOT ทำหน้าที่ ส่งกลับค่าตรรกศาสตร์ของอาร์กิวเมนต์ ให้เราใช้ NOT เมื่อคุณต้องการแน่ใจว่าค่านั้นไม่เท่ากับค่าพิเศษใด

รูปแบบ สูตร Excel ของฟังก์ชั่น NOT คือ NOT(logical)

โดยที่ Logical คือค่าหรือนิพจน์ที่สามารถหาค่าเป็น TRUE หรือ FALSE ก็ได้

สูตร Excel
ที่เกี่ยวข้องกัน ก็ได้แก่ And, OR

ตัวอย่างการใช้งาน ฟังก์ชั่น NOT ให้เราทำดังต่อไปนี้

1. ระบายเซลล์ B2:B3 แล้วพิมพ์ FALSE และกด Enter จากนั้นพิมพ์ True

2. คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =not(b2) แล้วกด Enter จะแสดงค่า TRUE

3. คลิกเซลล์ C3 แล้วพิมพ์ =not(b3) แล้วกด Enter จะแสดงค่า FALSE

4. คลิกเซลล์ D2 แล้วพิมพ์ =if(b2,”Yes”,”NO”) และกด Enter จะแสดงค่า NO

5. คลิกเซลล์ D3 แล้วพิมพ์ =if(b3,”Yes”,”No”) และกด Enter จะโชว์ Yes

6. คลิกเซลล์ E2 แล้วพิมพ์=if(not(b2),”Noooo”,”Yessss”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า Noooo

7. คลิกเซลล์ E3 แล้วพิมพ์ =if(not(b3),”Noooo”,Yessss”) แล้วกด Enter จะแสดงค่า Yessss

8. คลิกเซลล์ C5 แล้วพิมพ์ =not(1+2=3) และกด Enter จะแสดงค่า FALSE

9. คลิกเซลล์ C5 แล้วพิมพ์=not(a1<=3) แล้วกด Enter จะแสดงค่า FALSE

10. หากพิมพ์ 6 ที่เซลล์ A1 แล้วกด Enter จะเห็นที่เซลล์ C5 จะแสดงค่า TRUE


ภาพตัวอย่างการใช้ ฟังก์ชั่น NOT เพิ่มเติม

จะเห็นว่ามีหลายค่าที่ผลลัพธ์ออกเป็น #VALUE! ซึ่งเป็นค่า Error ชนิดหนึ่ง นั่นแสดงว่า เราไม่ใส่ค่าที่จะให้ตรวจสอบไม่ถูกต้อง อย่างเช่น 3+7 ไม่สามารถเอาไปคำนวณได้เพราะมันไม่ใช่ตัวเลข (มีเครื่องหมายบวกปนมา) จัดเป็นข้อความซะมากกว่า ส่วน พวก OR, AND ก็ทำนองเดียวกัน จัดเป็นข้อความ

สรุปแล้ว ฟังก์ชั่น NOT ใช้ตรวจสอบ ตัวเลข และ ค่า TRUE, FALSE หรือ ค่านิพจน์ เช่น =7+3 ซึ่ง = 10 (เพราะมีเครื่องหมายเท่ากับอยู่ข้างหน้า Excel เลยคำนวณให้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราพิมพ์ว่า =NOT(7+3) อย่างนี้ก็ย่อมได้ โดยฟังก์ชั่น NOT จะคืนค่า FALSE ออกมา...เหตุที่เป็นอย่างนั้นก็ให้คิดง่ายๆว่า NOT แปลว่า ไม่ใช่ ใช่ไหมดังนั้น =NOT(7+3) ก็มีความหมายประมาณว่า มันไม่ใช่ 10 ดังนั้นผลลัพธ์จึงออกมาว่า ไม่จริงมันคือ 10 (ความจริงมันคือ 10 จะไม่จริงได้อย่างไร) มันจึงคืนค่า FALSE กลับมา