วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฟังก์ชั่น EDATE ส่งกลับค่าเป็นเลขลำดับที่แทนที่วันที่

ซึ่งบอกจำนวนเดือนก่อนหรือหลังของวันที่ที่ระบุ (Start_date) คุณจะสามารถใช้ EDATE ในการคำนวณวันครบกำหนดหรือวันนัดหมายใดๆ ที่ตรงกับวันเดียวกัน... thumbnail 1 summary
ซึ่งบอกจำนวนเดือนก่อนหรือหลังของวันที่ที่ระบุ (Start_date) คุณจะสามารถใช้ EDATE ในการคำนวณวันครบกำหนดหรือวันนัดหมายใดๆ ที่ตรงกับวันเดียวกันของเดือนของวันที่ที่กำหนดให้เริ่มนับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่ Microsoft Excel ใช้เลขลำดับ (serial nuber) ในการคำนวณวันที่


รูปแบบสูตรของฟังก์ชั่น EDATE คือ EDATE(start_date,months)

Start_date คือ วันที่ที่แสดงถึงวันที่เริ่มต้น ซึ่งควรจะใส่ค่าวันที่ โดยใช้ฟังก์ชั่น DATE หรือใช้ผลลัพธ์ของสูตรหรือฟังก์ชั่นอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ใช้ฟังก์ชั่น DATE(2008,5,23) เพื่อแทนวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 เนื่องจากจะเกิดปัญหาขึ้นได้หากใส่วันที่ในรูปแบบข้อความ

Moths คือจำนวนของเดือนก่อนหรือหลังวันเริ่ม เป็นค่าบวกสำหรับผลลัพธ์เป็นวันที่ในอนาคต และค่าลบสำหรับผลลัพธ์เป็นวันที่ในอดีต

ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง คือ DATE,EOMONTH,NETWORKDAYS,WORKDAY

ลองมาดูตัวอย่างกันว่า ฟังก์ชั่น EDATE ใช้งานอย่างไร ให้คุณทำดังนี้

• คลิกที่เซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 12-Mar-01 แล้วกด Enter

• คลิกที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =edate(a2,1) และกด Enter จะโชว์ 36993

• คลิกที่เซลล์ B2 แล้วคลิกเมนู Format และเลือด Cells

• คลิกแท็บ Number แล้วคลิกเลือก Date แล้วเลือกรูปแบบ 04-mar-97 และคลิก OK

• ที่เซลล์ B2 จะโชว์ 12-Apr-01

• คลิกที่เซลล์ A3 แล้วพิมพ์ 31-Mar-01 แล้วกด Enter

• คลิกที่เซลล์ B3 แล้วพิมพ์ =edate(a2,1) แล้วกด Enter

• คลิกที่เซลล์ B3 แล้วคลิกเมนู Format และเลือก Cells

• คลิกแท็บ Number แล้วคลิกเลือก Date แล้วเลือกรูปแบบ 04-Mar-97 และคลิก OK

• ที่เซลล์ B2 จะโชว์ 30-Apr-01

• คลิกที่เซลล์ A4 แล้วพิมพ์ 31-Mar-01 แล้วกด Enter

• คลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ =edate(a2,-1) แล้วกด Enter

• คลิกที่เซลล์ B4 แล้วคลิกเมนู Format แล้วเลือก Cells

• คลิกแท็บ Number แล้วคลิกเลือกที่ Date แล้วเลือกรูปแบบ 04-Mar-97 แล้วคลิก Ok

• ที่เซลล์ B24 จะโชว์ 28-Feb-01