วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

Excel กับฟังก์ชั่น IF

Excel กับฟังก์ชั่น IF If คือ ฟังชั่น ประเภท ตรรกศาสตร์ ที่มีบน Excel ทำหน้าที่ ส่งค่าหนึ่งกลับ ถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุเป็น TRUE และอีกค่าหนึ่... thumbnail 1 summary
Excel กับฟังก์ชั่น IF


If คือ ฟังชั่น ประเภท ตรรกศาสตร์ ที่มีบน Excel ทำหน้าที่ ส่งค่าหนึ่งกลับ ถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุเป็น TRUE และอีกค่าหนึ่งกลับ ถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุเป็น FASLE


รูปแบบสูตร ที่ใช้บน Excel คือ IF(logical_test,value_if_true,value_if_false)

Logical_test คือ ค่าหรือนิพจน์ใดๆ ที่สามารถถูกประเมินเป็น TRUE หรือ FASLE ได้ ยกตัวอย่าง เช่น A10=100 คือ logical expression เช่น ถ้าค่าในเซลล์ A10 เป็น 100 แล้ว logical_test เป็น TRUE มิฉะนั้น logical_test จะเป็น FALSE อาร์กิวเมนต์นี้สามารถใช้ตัวดำเนินการคำนวณเปรียบเทียบใด


Value_if_true
คือ ค่าที่ถูกส่งกลับ ถ้า logical_test เป็น TRUE ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าอาร์กิวเมนต์นี้คือสายอักขระ “Within budget” และ logical_test อาร์กิวเมนต์หาค่าเป็น TRUE ดังนั้นฟังก์ชั่น IF แสดงข้อความ “Within budget” ถ้า logical_test เป็น TRUE และ Value_if_true ไม่ใส่ค่าอะไรไว้ อาร์กิวเมนต์นี้จะกลับเป็น 0 (ศูนย์) การแสดงคำว่า TRUE ให้ใช้ค่าตรรกะ TRUE สำหรับอาร์กิวเมนต์นี้ Value_if_true สามารถเป็นสูตรอื่นๆด้


Value_if_false
เป็นค่าที่ถูกส่งกลับถ้า logical_test เป็น FALSE ตัวอย่าง เช่น ถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นสายอักขระข้อความ “Over budget” และ logical_test อาร์กิวเมนต์หาค่าเป็น FALSE ดังนั้นฟังก์ชั่น IF แสดงข้อความ “Over Budget”


ถ้า logical_test เป็น FALSE และ Value_if_false ถูกละไว้ (นั่นคือไม่มีการคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคหลังจาก value_if_true ดังนั้นค่าตรรกะ FALSE กลับมาถ้า logical_test เป็น FALSE และ value_if_false ไม่ใส่ค่าอะไร (นั่นคือหลังจาก value_if_true มีการคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคตามด้วยวงเล็บปิด) ดังนั้น่าจะกลับเป็น 0 (ศูนย์) value_if_false สามารถเป็นสูตรอื่นได้


ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง AND, FAlSE, NOT, OR, TRUE


ให้ทดลองพิมพ์สูตรในโปรแกรม Excel ดังต่อไปนี้


1. คลิกที่เซลล์ A2 แล้วพิมพ์ 100


2. ให้คลิกที่เซลล์ B2 แล้วพิมพ์ =if(a2<=100,a2*0.95,a2*0.9) และกด Enter จะแสดงค่า 95


3. หากแก้ไขตัวเลขที่เซลล์ A2 เป็น 1000 แล้วกด Enter จะเห็นว่าเซลล์ B2 แสดงค่าเป็น 900


4. คลิกเซลล์ A4 แล้วพิมพ์ Budget และคลิกเซลล์ B4 แล้วพิมพ์ Actual


5. คลิกเซลล์ A5 แล้วพิมพ์ 2000 และคลิกเซลล์ B5 แล้วพิมพ์ 3000


6. พิมพ์ =if(b5>a5,”Over budget”,””) และกด Enter จะแสดงค่า Over budget


7. หากพิมพ์ 1500 ที่เซลล์ B5 และกด Enter จะเห็นว่าเซลล์ C5 จะแสดงค่าช่องว่าง


8. คลิกเซลล์ A8 แล้วพิมพ์ Score ที่เซลล์ A9 แล้วพิมพ์ 62 ที่เซลล์ A10 แล้วพิมพ์ 75 ที่เซลล์ A11 แล้วพิมพ์ 85 ที่เซลล์ A12 พิมพ์ 40


9. คลิกเซลล์ B8 แล้วพิมพ์ Grade


10. ที่เซลล์ D9 แล้วพิมพ์ 60 ที่เซลล์ D10 แล้วพิมพ์ 70 ที่เซลล์ D11 แล้วพิมพ์ 80 ที่เซลล์ D12 แล้วพิมพ์ 90


11. คลิกเซลล์ B9 แล้วพิมพ์ =if(a9<=$d$9,”E”,if(a9<=$d$10,”D”,if(a9<=$d$11,”c”,if(a9<=$d$12,”B”,”A”)))) และกด Enter จากนั้น Auto Fill สูตรลงมาที่เซลล์ B12


12. ทดลองแก้ไขตัวเลขในช่วงเซลล์ A9:A12 จะเห็นผลแสดงค่าในเซลล์ B9:B12