สูตร Excel การใช้สูตร Logest พร้อมตัวอย่างการใช้งาน
Logest นับเป็น สูตร Excel ที่อยู่ในหมวดสถิติ มีหน้าที่ ส่งกลับอาร์เรย์ของค่าที่บอกลักษณะของเส้นโค้งเอ็กซ์โพเนนเชียล (ที่ถูกคำนวณมาจากการวิเคราะห์การถดถอย) ที่อธิบายข้อมูลของคุณได้ดีที่สุด และเนื่องจากฟังก์ชั่นจะแสดงค่าเป็นอาร์เรย์ ดังนั้นจึงต้องป้อนข้อมูลสูตรเป็นอาร์เรย์ด้วย
รูปแบบของ สูตร คือ Logest(known_y’s,known_x”s,const,stats)
โดยที่ตัวแปรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
Known_y’s คือชุดของค่า y ที่คุณทราบความสัมพันธ์ y=b*m^x แล้ว
ถ้าอาร์เรย์ known_y’s อยู่ในคอลัมน์เดียว แต่ละคอลัมน์ของ known_x’s จะถูกแปลงเป็นตัวแปรแยกต่างหาก
ถ้าอาร์เรย์ know_y’s อยู่ในแถวเดียว แต่ละแถวของ known_x’s จะถูกแปลงเป็นตัวแปรแยกต่างหาก
know_x’s คือชุดของค่า x ที่จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ซึ่งเป็นค่าที่คุณทราบความสัมพันธ์ y=b*m^x แล้ว
อาร์เรย์ know_x’s สามารถรวมเอาชุดที่มากกว่าหนึ่งตัวแปร ถ้าใช้เพียงหนึ่งตัวแปรง known_y’s และ known_x’s สามารถเป็นช่วงของรูปร่างใดๆ ตราบเท่าที่ทราบมิติ ถ้ามีการใช้มากกว่าหนึ่งตัวแปร known_y’s ต้องเป็นช่วงของเซลลืที่มีความสูงของหนึ่งแถวหรือความกว้างของหนึ่งคอลัมน์ (ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อเวกเตอร์)
กรณีที่ไม่ได้ใส่ค่าอาร์เรย์ know_x’s อาร์เรย์จะถูกกำหนดเป็นอาร์เรย์ {1,2,3,….} ที่มีขนาดเท่ากับอาร์เรย์ known_y’s
const คือค่าตรรกะที่ใช้ระบุว่าจะบังคับให้ค่าคงที่เท่ากับ 1 หรือไม่
กรณีที่ค่า const เป็น True หรือละไว้ b จะถูกคำนวณตามวิธีปกติ
ถ้า const เป็น FALSE ค่า b จะถูกำหนดค่าเท่ากับ 1 และค่า m ถูกทำให้พอดีกับ y=m^x
Stats คือค่าตรรกะที่ใช้ระบุว่าจะส่งกลับค่าสถิติการถดถอยเพิ่มเติมหรือไม่
ถ้า stats เป็น TRUE แล้ว LOGEST จะส่งกลับค่าสถิติการถดถอยเพิ่มเติมดังนั้นอาร์เรย์ที่ได้จะเป็น {mm,mm-1,….,m1,b;sen,sen-1,…,se1,seb;r 2, sey; F,df;ssreg,ssresid}
ถ้า stats เป็น FALSE หรือไม่ใส่คำอะไรไว้ LOGEST จะส่งกลับค่าเฉพาะสัมประสิทธิ์ m และค่าคงที่ b เท่านั้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถิติการถดถอยเพิ่มเติม ให้ดูที่ LINEST
สูตร Excel ที่มีความเกี่ยวข้องกับ สูตร หรือ ฟังก์ชั่น LOGEST ก็ได้แก่ GROWTH, LINEST, TREND เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้งาน ฟังก์ชั่น LOGEST ให้ทำดังนี้
1. เลือกเซลล์ A2:A8 แล้วพิมพ์ 1 และกด Enter พิมพ์ 2 และกด Enter พิมพ์ 3 และกด Enter พิมพ์ 4 และกด Enter พิมพ์ 5 และกด Enter พิมพ์ 6 แล้วกด Enter พิมพ์ 7 และกด Enter
2. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วพิมพ์ 10 แล้วกด Enter พิมพ์ 20 และกด Enter พิมพ์ 300 แล้วกด Enter พิมพ์ 600 แล้วกด Enter
3. เลือกเซลล์ B10:C10 แล้วพิมพ์ =logest(b2:b8,a2:a8) แล้วกด CTRL+SHIFT+Enter จะแสดงผลเป็น 1.964251 และ 4.645163
4. คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =$C$10*$b$10^a2 แล้วกด Enter จะแสดงผลเป็น 9.124266 จากนั้น Auto Fill สูตรลงมาที่เซลล์ C8
5. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วสร้างกราฟเส้น หากต้องการดูกราฟเส้นโค้งให้เลือกข้อมูลจากเซลล์ C2:C8 แล้วลากเข้ามาที่กราฟ จะเห็นกราฟเส้นโชว์เพิ่มขึ้นมา
6. หรือจะหาอีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้คลิกที่จุดของกราฟเส้น แล้วคลิกเมนู Chart จากนั้นคลิกเลือกคำสั่ง Add Trendline
7. คลิกที่ Options จากนั้นเลือก Display equation on chart แล้ว คลิกปุ่ม ok
8.ที่บริเวณกราฟจะแสดงค่า y=4.6452e0.6751x
9. คลิกเซลล์ B12 แล้วพิมพ์ =exp(1)^0.6751 แล้วกด Enter จะแสดงผลเป็น 1.964251
10. หากต้องการดูค่าตัวเลขให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ให้ไปดับเบิ้ลคลิกที่กรอบตัวเลขบนกราฟ แล้วกำหนดรูปแบบ #,##0.00000000 และกำหนดขนาดให้ใหญ่ขึ้น
Logest นับเป็น สูตร Excel ที่อยู่ในหมวดสถิติ มีหน้าที่ ส่งกลับอาร์เรย์ของค่าที่บอกลักษณะของเส้นโค้งเอ็กซ์โพเนนเชียล (ที่ถูกคำนวณมาจากการวิเคราะห์การถดถอย) ที่อธิบายข้อมูลของคุณได้ดีที่สุด และเนื่องจากฟังก์ชั่นจะแสดงค่าเป็นอาร์เรย์ ดังนั้นจึงต้องป้อนข้อมูลสูตรเป็นอาร์เรย์ด้วย
รูปแบบของ สูตร คือ Logest(known_y’s,known_x”s,const,stats)
โดยที่ตัวแปรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
Known_y’s คือชุดของค่า y ที่คุณทราบความสัมพันธ์ y=b*m^x แล้ว
ถ้าอาร์เรย์ known_y’s อยู่ในคอลัมน์เดียว แต่ละคอลัมน์ของ known_x’s จะถูกแปลงเป็นตัวแปรแยกต่างหาก
ถ้าอาร์เรย์ know_y’s อยู่ในแถวเดียว แต่ละแถวของ known_x’s จะถูกแปลงเป็นตัวแปรแยกต่างหาก
know_x’s คือชุดของค่า x ที่จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ซึ่งเป็นค่าที่คุณทราบความสัมพันธ์ y=b*m^x แล้ว
อาร์เรย์ know_x’s สามารถรวมเอาชุดที่มากกว่าหนึ่งตัวแปร ถ้าใช้เพียงหนึ่งตัวแปรง known_y’s และ known_x’s สามารถเป็นช่วงของรูปร่างใดๆ ตราบเท่าที่ทราบมิติ ถ้ามีการใช้มากกว่าหนึ่งตัวแปร known_y’s ต้องเป็นช่วงของเซลลืที่มีความสูงของหนึ่งแถวหรือความกว้างของหนึ่งคอลัมน์ (ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อเวกเตอร์)
กรณีที่ไม่ได้ใส่ค่าอาร์เรย์ know_x’s อาร์เรย์จะถูกกำหนดเป็นอาร์เรย์ {1,2,3,….} ที่มีขนาดเท่ากับอาร์เรย์ known_y’s
const คือค่าตรรกะที่ใช้ระบุว่าจะบังคับให้ค่าคงที่เท่ากับ 1 หรือไม่
กรณีที่ค่า const เป็น True หรือละไว้ b จะถูกคำนวณตามวิธีปกติ
ถ้า const เป็น FALSE ค่า b จะถูกำหนดค่าเท่ากับ 1 และค่า m ถูกทำให้พอดีกับ y=m^x
Stats คือค่าตรรกะที่ใช้ระบุว่าจะส่งกลับค่าสถิติการถดถอยเพิ่มเติมหรือไม่
ถ้า stats เป็น TRUE แล้ว LOGEST จะส่งกลับค่าสถิติการถดถอยเพิ่มเติมดังนั้นอาร์เรย์ที่ได้จะเป็น {mm,mm-1,….,m1,b;sen,sen-1,…,se1,seb;r 2, sey; F,df;ssreg,ssresid}
ถ้า stats เป็น FALSE หรือไม่ใส่คำอะไรไว้ LOGEST จะส่งกลับค่าเฉพาะสัมประสิทธิ์ m และค่าคงที่ b เท่านั้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถิติการถดถอยเพิ่มเติม ให้ดูที่ LINEST
สูตร Excel ที่มีความเกี่ยวข้องกับ สูตร หรือ ฟังก์ชั่น LOGEST ก็ได้แก่ GROWTH, LINEST, TREND เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้งาน ฟังก์ชั่น LOGEST ให้ทำดังนี้
1. เลือกเซลล์ A2:A8 แล้วพิมพ์ 1 และกด Enter พิมพ์ 2 และกด Enter พิมพ์ 3 และกด Enter พิมพ์ 4 และกด Enter พิมพ์ 5 และกด Enter พิมพ์ 6 แล้วกด Enter พิมพ์ 7 และกด Enter
2. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วพิมพ์ 10 แล้วกด Enter พิมพ์ 20 และกด Enter พิมพ์ 300 แล้วกด Enter พิมพ์ 600 แล้วกด Enter
3. เลือกเซลล์ B10:C10 แล้วพิมพ์ =logest(b2:b8,a2:a8) แล้วกด CTRL+SHIFT+Enter จะแสดงผลเป็น 1.964251 และ 4.645163
4. คลิกเซลล์ C2 แล้วพิมพ์ =$C$10*$b$10^a2 แล้วกด Enter จะแสดงผลเป็น 9.124266 จากนั้น Auto Fill สูตรลงมาที่เซลล์ C8
5. เลือกเซลล์ B2:B8 แล้วสร้างกราฟเส้น หากต้องการดูกราฟเส้นโค้งให้เลือกข้อมูลจากเซลล์ C2:C8 แล้วลากเข้ามาที่กราฟ จะเห็นกราฟเส้นโชว์เพิ่มขึ้นมา
6. หรือจะหาอีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้คลิกที่จุดของกราฟเส้น แล้วคลิกเมนู Chart จากนั้นคลิกเลือกคำสั่ง Add Trendline
7. คลิกที่ Options จากนั้นเลือก Display equation on chart แล้ว คลิกปุ่ม ok
8.ที่บริเวณกราฟจะแสดงค่า y=4.6452e0.6751x
9. คลิกเซลล์ B12 แล้วพิมพ์ =exp(1)^0.6751 แล้วกด Enter จะแสดงผลเป็น 1.964251
10. หากต้องการดูค่าตัวเลขให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ให้ไปดับเบิ้ลคลิกที่กรอบตัวเลขบนกราฟ แล้วกำหนดรูปแบบ #,##0.00000000 และกำหนดขนาดให้ใหญ่ขึ้น